นักรีวิวร้านอาหาร

        Issaya La Patisserie ร้านขนมหวานของเชฟเอียน พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย
(เชฟกะทะเหล็กชาวไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ) ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน Issaya Siamese Club ที่ถนนเชื้อเพลิงได้รับการยอมรับเป็น 1 ใน 50 อันดับร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้ยังมีร้าน Issaya cooking studio โรงเรียนสอนทำอาหารที่ Central Embassy, และ Namsaah Bottling Trust เป็น Asian Gastro Bar แห่งใหม่ที่ สีลมซอย 7         ร้าน Issaya La Patisserie เป็นร้านขายขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสประยุกต์ โดยมีการผสมผสานความเป็นไทย
ลงไปในตัวขนมได้อย่างน่าสนใจ อาทิเช่น Monsieur Kim-Hun (คิมหันต์แปลว่าฤดูร้อน) ตัวชูครีมเป็นขนมสไตล์ฝรั่งเศส  แต่ไส้ของชูครีมเป็นรสใบเตยทำให้ไส้มีกลิ่นหอมน่าทาน สอดไส้ด้วยสาคูเพื่อเพิ่มรสสัมผัส และมะม่วงสดช่วยเพิ่มความหอมและสดชื่น,  ขนมครก ตัวฐานของขนมเป็นแป้งทาร์ตกรอบ หน้าของขนมครก เป็นกะทิแบบตัวขนมครกของไทย มีเครื่องเคียงเช่น มะพร้าวสด เม็ดมะม่วงหิมพานต์และงาคั่ว ช่วยเพิ่มความหอม กลมกล่อมให้ตัวขนมครก,มาการองมีรสแปลกให้เลือกทาน เช่นรสกระทิงแดง รสข้าวเม่า
          บรรยากาศร้านออกแบบเป็นโซฟาสีสดใส ตัดกับ สีฟ้าน้ำเงินซึ่งเป็นโทนสีหลักของร้าน
เป็นร้านนั่งเล่นชิลๆ เหมาะสำหรับทานขนม,ของทานเล่นและพบปะพูดคุยกับเพื่อนรายการอาหาร
1. Croque Mosieur 370 THBแป้งขนมปัง ทาด้วยมาสตาร์ดกับ Bechamel ซอส และชีส
Truffle ทานกับสลัดน้ำมันมะกอก รสค่อนข้างเค็มๆ มันๆ
2. ขนมครก 250 THBตัวฐานของขนมเป็นแป้งทาร์ตกรอบ หน้าของขนมครก เป็นกะทิแบบตัวขนมครกของไทย มีเครื่องเคียง
เช่น มะพร้าวสด เม็ดมะม่วงหิมพานต์และงาคั่ว ช่วยเพิ่มความหอม กลมกล่อมให้ตัวขนมครก

3. Ladybug 380 THBประกอบด้วยขนม ห้าอย่าง Pastry mini Mulberry Icecream Cone ,Chocolate Ladybug Macaroon,Chocolate truffle,Mulberry juice shots , Lady Bug
Lady Bug(ลูกกลมสีแดง) ทำจากมูส รสเปรี้ยวและมัน ไส้ในเป็นชอกโกแลต ซอฟท์ชีสเค้กผสมกับคุกกี้ สเปกูลูส
ทานคู่กับเครื่องเคียง สี่รายการ Pastry mini Mulberry Icecream Cone ,Chocolate Ladybug Macaroon,Chocolate truffle,Mulberry juice shots
ช่วยเพิ่มรสชาติให้ตัวขนมเป็นอย่างดี

4. Monsieur Kim-Hun    125 THB ต่อชิ้น(คิมหันต์แปลว่าฤดูร้อน) ตัวชูครีมเป็นขนมสไตล์ฝรั่งเศส
แต่ไส้ของชูครีมเป็นรสใบเตยทำให้ไส้มีกลิ่นหอมน่าทาน สอดไส้ด้วยสาคูเพื่อเพิ่มรสสัมผัส และมะม่วงสดช่วยเพิ่มความหอมและสดชื่น
5. ขนมใส่ไส้ 150 THB ต่อชิ้นตัวขนมทำจากโคโคนัทมูสเนียนนุ่มและหวาน ด้านในไส้มะพร้าวกะทิออกรสมันๆ

6.      Scone 190 THB ต่อเซ็ท มาพร้อมเนยและ แยม Mulberryสโคนของที่นี่จะเป็นสูตรแป้งกรอบ โดยจะมีรสให้เลือก 3 รส คือ Pain , มะตูม, ชาไทย
ภายในเซ็ทจะให้สโคน สองชิ้น เสริฟพร้อมเรยและแยม Mulberry
7.         Baba 180 THB ต่อชิ้นขนมปังฝรั่งเศสไม่มีไส้ ชุบด้วยแม่โขงไซรัป

8. น้ำเสาวรส 130 THB ต่อ แก้วรสชาติ เปรี้ยว หวานและซ่า ดื่มแล้วสดชื่น
ราคาอาหารยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและเซอร์วิสชาร์จ

                  ห้องอาหารทิพย์ธารา (THIPTARA) เป็นห้องอาหารไทยของโรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ (The PeninsulaBangkok) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สัมผัสความงดงามของวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวตึกสูงโดยรอบบรรยากาศของร้านมีความเป็นไทยแท้ ตั้งแต่กระเบื้องที่ใช้ปูพื้นซึ่งเป็นกระเบื้องดินเผา, โต๊ะอาหารทำจากหินอ่อน ตกแต่งด้วยเรือนไทยตั้งอยู่หลายหลัง                   ห้องอาหารทิพย์ธาราจัดเป็นห้องอาหารไทยในบรรยากาศอบอุ่นและโรแมนติก เมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วแสงไฟภายในร้านจะปรับเป็นแสงสลัว พนักงานของห้องอาหารจะจุดไฟตะเกียงในแต่ละโต๊ะ ได้ความรู้สึกเหมือนดินเนอร์ใต้แสงเทียน ภาชนะที่ใช้เสิร์ฟอาหารเป็นเครื่องปั้นดินเผาศิลาดล ซึ่งเป็นงานทำมือเน้นการวาดลวดลายที่งดงามรายการอาหาร
1. KHONG WANG RUAM ROD: ของว่างรวมรส (ยำส้มโอกุ้งเผา, ถุงทอง, หมูสะเต๊ะ) 480 บาท
Grilled prawns with pomelo fruit salad, vegetable golden bags and marinated pork satay with peanut sauce
ของว่างเรียกน้ำย่อยที่รวมเอาความอร่อยของของทอด, ย่างและยำมารวมกัน2. GAENG KHUA NUA YANG BAI-CHA-PLU : แกงคั่วเนื้อย่างใบชะพลู 520 บาท
Yellow curry with grilled beef rump, turmeric, coconut milk and betel leaves from the gardenตัวแกงมีความเข้มข้นถึงเครื่อง แต่ไม่เผ็ดมาก มีกลิ่นหอมของใบชะพลูช่วยให้เจริญอาหาร

3. PLA-HI-MA SAM ROD : ปลาหิมะสามรส 820 บาท
Deep-fried snow fish with spicy, sweet and sour sauceเนื้อปลาทอดมาได้แบบกรอบนอกนุ่มใน ราดซอสออกรสหวานเล็กน้อยแต่เผ็ดไม่มาก

4. PLA-GAO PHAD MIANG KHAM : ปลาเก๋าผัดเมี่ยงคำ 540 บาท
Deep-fried garoupa topped with saut?ed shallot, ginger, lime and peanutsเนื้อปลาผัดเข้ากับเครื่องเมี่ยงคำรสหอม จานนี้รสค่อนข้างเผ็ดกว่าจานอื่นๆ ควรจะทานคู่กับข้าว

5. KHAO PHAD THIPTARA : ข้าวผัดทิพย์ธารา 380 บาท
Fried jasmine rice with chilli paste, shrimp and salty eggข้าวผัดสูตรพิเศษ ปรุงด้วยซอสที่ทำขึ้นเองผัดรวมกับกุ้งตัวโตและไข่เค็ม รสชาติกลมกล่อม
6. TUB-TIM SIAM : ทับทิมสยาม 280 บาท
Ruby water chestnuts in coconut milk and syrupตัวทับทิมหนึบ นิดๆ ทานกับมะพร้าวสดที่มีความนุ่มและหอมน้ำกะทิรสหวานน้อย

7. KLUEY THOD ICE CREAM KA THI : กล้วยทอดไอศครีมกะทิ 280 บาท
Deep-fried young banana with coconut ice creamกล้วยหอมทอดกรอบ ทานคู่กับน้ำผึ้งธรรมชาติ แก้เลี่ยนด้วยไอศครีมกะทิที่มีกลิ่นหอม เข้ากันมาก
8. Thiptara Sunset : ราคา 450 บาท9. น้ำมะตูม : 220 บาท*** ราคาอาหารยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและเซอร์วิสชาร์จ ****

The Never Ending Summer - อาหารไทยในบรรยากาศแบบสบาย
The Never Ending Summer 41/5 Charoen Nakhon Road Khlong San Bangkok, Thailand 10600
Bangkok, Thailand 10600
Today 11:00am - 11:00pm
TEL : 02 861 0953
การเดินทาง : ซอยที่ติดกับท่าน้ำคลองสาน หรือ ถ้าเดินมาจาก ถ.เจริญนคร
เข้าซอยท่าน้ำคลองสานเดินมาเรื่อยๆ จะเจอร้าน Watson ให้เลี้ยวซ้าย
------------------------------
The Never Ending Summer หน้าร้อนที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ร้านอาหารไทยรสดั้งเดิม ที่มี Concept เก๋ๆ โดยการนำโรงงานเก่า The Jam Factory
มาดัดแปลงเป็นร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น โดยไม่เหลือคราบความเป็นโรงงานเก่าเลยแม้แต่น้อย
หลังคาของร้านยังคงสภาพความเป็นหลังคาของโรงงานเอาไว้ ตรงกลางของโครงหลังคาเป็นหลังคาแบบโปร่งปล่อยให้แสงธรรมชาติส่องผ่าน ผนังภายในร้านก่อด้วยอิฐมอญสีแดงและ ประดับด้วยภาพตกแต่งต่างๆ มีไม้กระถางแขวนไว้ตามเสาของอาคารช่วยลดความกระด้างของปูนเปลือย
บรรยากาศภายในร้านเหมือนนั่งทานข้าวในห้องนั่งเล่น นั่งคุยกันได้แบบชิลๆ
ภายในร้าน The Never Ending Summer จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น ร้านหนังสือ
ร้านกาแฟ โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ และ ร้านอาหารไทย
           อาหารไทยของที่นี่จะเน้นที่ตัววัตถุดิบที่เลือกใช้แต่ของดี
และสูตรอาหารเป็นอาหารไทยแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ภายในตัวร้านยังมีแปลงผัก
ปลอดสารพิษปลูกขึ้นเพื่อ นำวัตถุดิบดังกล่าวมาใช้ประกอบอาหารภายในร้าน
รายการอาหาร
1. น้ำพริกลงเรือหมูหวานไข่เค็ม (300.-) กับเต้าเจี้ยวหลน (250.-)
ถ้าสั่งน้ำพริก สองรายการทางร้านจะจัดเซ็ทมาเป็นชั้นแบบสวยงาม
น้ำพริกหมูหวาน ออกรสหวานนิดๆ เผ็ดไม่มากทานกับข้าวสวยร้อนและผักสด
ส่วน เต้าเจี้ยวหลนทำได้ถึงเครื่องแต่ไม่เค็ม2. ข้าวผัดกากหมู - พริกขี้หนู 220.-
ตัวข้าวหอมกลิ่นกากหมู ทานคู่กับมะนาว หัวหอม
และพริก ช่วยลดความเลี่ยนของตัวกากหมูได้เป็นอย่างดี3. ไข่พะโล้ หมูสามชั้น สูตรโบราณ 180.-
เมนูนี้ออกรสหวานนำ โดยใช้หมูสามชั้นอย่างดี
ไปเคี่ยวกับน้ำตาลปึกและน้ำปลา เคี่ยวจนเนื้อนุ่ม และ หอม4. ผักชีปลาทูย่าง-น้ำปลาหวาน 280.-
ปลาทูเนื้อนุ่มและมีกลิ่นหอมจากใบเตย ทานคู่กับ
น้ำปลาหวาน โดยมีผักชีเป็นของแกล้ม

ยามบ่ายวันเสาร์ในวันที่กรุงเทพอากาศร้อน ผมกับพี่สาวนัดกันไปจิบชาและทานขนมอร่อยๆ ที่ห้องอาหาร THE LOBBY โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ เราทั้งคู่เลือกเดินทางโดย BTS แล้วมาต่อเรือของโรงแรมฯที่ท่าเรือสะพานตากสิน โดยที่ท่าเรือจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมฯประจำคอยอำนวยความสะดวกเรียกเรือมารับ สำหรับแขกของโรงแรมฯสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ ว. เรียกเรือมารับได้เลย โดยไม่ต้องรอรอบของเรือแต่อย่างใด
เมื่อลงจากเรือแล้วเราเดินผ่านห้องอาหารริเวอร์คาเฟ่ แอนด์ เทอเรส ก่อนจะผ่านเดอะเพนนินซูลา บูติค เจอหมีเพนนินซูลาตัวใหญ่วางอยู่ในร้าน พี่สาวผมไม่รอช้ารีบวิ่งปรี่เข้าไปถ่ายรูปด้วยในทันที
ชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) ของโรงแรมฯเสิร์ฟในเวลา 14.00 - 18.00 น. ทุกวัน โดยมีให้เลือก 3 เซ็ท

- ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ฝรั่งเศส (A La Francaise) ราคา 880 ++ บาท ต่อคน
- ชุดน้ำชายามบ่ายแบบไทย (Thai Afternoon Tea) ราคา 880 ++ บาท ต่อคน
- ชุดน้ำชายามบ่ายแบบคลาสสิก ราคา 880 ++ บาท ต่อคน

แต่ละชุด เสิร์ฟพร้อมกับชาหรือกาแฟ (ร้อนหรือเย็น) สามารถเลือกได้ 1 รายการ

--------

ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ฝรั่งเศส (A La Francaise Afternoon Tea) มีคอนเซปท์มาจากการเฉลิมฉลองการเปิดโรงแรมเพนนินซูลา ปารีสเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ผรั่งเศสนี้มีให้บริการไปจนถึงสิ้นปี 2557 เท่านั้น-------

สำหรับชุดน้ำชายามบ่ายแบบไทย ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นชุดน้ำชาแบบไทยๆ ในบรรยากาศตะวันตก ซึ่งในเซ็ทนี้ประกอบไปด้วยขนมไทยที่หายาก ไม่ว่าจะเป็นขนมกล้วย, ข้าวต้มมัด ม้าฮ่อ ข้าวตัง ยำส้มโอ เป็นต้น-----

ชุดสุดท้ายเป็นชุดยอดฮิตของโรงแรมเพนนินซูลา ทั่วโลก Traditional Afternoon Tea set เป็นเซ็ทยอดนิยมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบตะวันตก
ภายในเซ็ทประกอบไปด้วย

น้องหมีเพนนิน

Iwane goes Natures - อาหารและของหวานสไตล์ญี่ปุ่น
14 ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เวลาเปิดบริการ : ทุกวันเวลา 07.30-22.00 น.
Tel. 02-664-0350

             คุณบิ๊น เจ้าของร้าน Iwane goes Natures ซึ่งมีโอกาสได้ไป
เรียนหนังสือที่ญี่ปุ่นมา 8 ปี และได้พบเพื่อนชาวเกาหลีชื่อซัง ทั้งสองคนได้มีโอกาส
ไปชิมขนมปังที่ร้านของเชฟอิวาเนะที่ญี่ปุ่น รู้สึกชอบจึงขอซื้อสูตรมาเปิดที่เมืองไทย
             เริ่มแรก Iwane Goes Natures เป็นเพียงร้านขายขนมปังเท่านั้น หลังจากนั้น
คุณบิ๊นและคุณซัง ซึ่งชอบทำอาหารกันอยู่แล้ว มีความคิดที่จะขายอาหารเพิ่มเติม
โดยมี Concept ที่ผสมผสานกันขึ้นระหว่าง สไตล์อเมริกา,ญี่ปุ่น, และเกาหลี            เฟอร์นิเจอร์ภายในร้านเป็นโต๊ะไม้ ผนังรอบร้านเป็นกระจกสูงสัมผัสกับ
บรรยากาศของสวนสวยอันร่มรื่นย์ภายนอกร้าน ที่นั่งโซน Outdoor โอบล้อมไปด้วย
ต้นไม้นั่งพักผ่อนจิบกาแฟพร้อมทานขนมอร่อยที่ Iwane goes Natures
ได้แบบเพลินๆ
รายการอาหาร
1. สปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้ง 150 THB
สปาเก็ตตี้ นุ่มๆ ผัดมากับเครื่องต้มยำรสเเซ่บ จานนี้ไม่ต้องปรุงเพิ่มแต่อย่างใด2. คาราอะเกะด้ง 175 THB
ข้าวไก่ทอดซอสหวาน ทานคู่กับไข่ดาว มีผักสลัดแนมช่วยลดความเลี่ยน3. รีคอตต้าแพนเค้ก 185 THB
แพนเค้กเนื้อนุ่ม ทานคู่กับ เมเปิ้ลไซรัป
มีกล้วยหอมตัดกับลดหวานของไซรัปอร่อยมากจานนี้4. มารูนไฟว์ 220 THB
แพนเค้กเนื้อนุ่ม ราดด้วยมาการูนครีม กลิ่นหอมรสค่อนข้างหวานมาก
โรยหน้าด้วยเกาลัด5. อเมริกันดาร์กบราวนี่ 130 THB
บราวนี่ รสหวานและมีความขมของดาร์กชอกโกแลต
ทานคู่กับไอศครีมชาเขียวและมีซอสบลูเบอร์รี่ช่วยลดความหวาน6. ลาเต้เย็น 80 THB