Thai | English
kanokwan.arunleddiwong
ฉันชื่อkanokwan.arunleddiwong .
สมาชิก 90 รีวิวแรก
รีวิว288 รีวิว
編輯推介數目37 Editor's Choice
Recommended29 แนะนำ
ความนิยม1033 เข้าชม
Replies in Forum0 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ4136 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews9 รีวิวแนะนำ
My Restaurant247 ร้านโปรด
Follow118 Following
粉絲542 Follower(s)
kanokwan.arunleddiwong  Level 4
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 1 ถึง 5 จาก 288 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านเค้กและเบเกอรี่ | ลำลอง

สวัสดีคร่าาาาา วันนี้เราแวะมากินฟรี ฮิ้วววววววว ไม่ใช่ล่ะๆๆ พอดีทางเราได้รับอีเมลจาก VIZ คือเราเป็นสมาชิกบัตร VIZ ที่จัดทำโดยสยามพิวรรธ์ หรือสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสฯ นั่นเองค่ะ เป็นอีเมลที่เชิญชวนสมาชิก ไปรับพายรสชาติใหม่และ Gift Voucher ฟรี ในวันที่ 14 มีนาคม 2560 ที่สยามพารากอน เพียงแค่ 50 คนแรกเท่านั้น เราก็ไม่รอช้าค่ะ ตรงดิ่งไปถึงสยามพารากอนตอนก่อนห้าโมงเย็นเล็กน้อย ไปยืนต่อแถวรอ ซึ่งไม่ว่าสมาชิกของ VIZ หรือคนทั่วไปก็ยืนเข้าแถวรอเช่นเดียวกันค่ะ เพียงแค่ 50 คนแรกเท่านั้น

 


 


Holy Moly สาขาสยามพารากอนนี้ อยู่ที่ชั้น G ค่ะ ตามแผนภาพนี้เลย เดินไม่ยากค่ะ อยู่ตรงข้ามร้านตะลิงปลิงค่ะ


 


บรรยากาศหน้าร้านและในร้านค่ะ

 


เมนูต่างๆ มีอะไรบ้างน้าาาา ก็ตามนี้เลยจ้า

 




 


ขอมาพูดถึงร้านนิดหน่อยนะคะ พอดีสอบถามมาจากทางเฟสบุ๊กของร้านได้ความมาว่า
รายละเอียดเจ้าของและความเป็นมาของร้าน
Holy moly เป็นแบรนด์ไทยค่ะ มีร้านที่ the commons ร้านแรก ตามมาด้วย SIAM PARAGON  เริ่มต้นมาจากเราอยากทำของกินเล่น (snack ) ที่มีรสชาติที่ดีและทำมาจากวัตถุดิบคุณภาพจริงๆ (we take snacking seriously) แล้วเราก็มาดูว่ายังมีของทานเล่นประเภทไหนที่ในเมืองไทยยังไม่ค่อยมีหรือตัวเราเองยังรู้สึกว่าอร่อยกว่านี้ได้อีกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพกว่านี้ได้อีก คือสด เป็น organic ไม่ใส่สารกันเสียก็เลยมาเป็นพาย ก่อนหน้านี้ขนมประเภทภายในเมืองไทยส่วนมากที่เราเจอจะแป้งจะแฉะเหมือนขนมเปี๊ยะ มันไม่กรอบแล้วเวลากินก็จะมีอารมณ์ติดเพดานปาก ส่วนไส้ก็ต้องกัดแป้งเข้าไปหลายคำถึงจะเจอไส้

เราก็เลยตั้งใจว่า เราจะพายของเราทำทั้งส่วนที่เป็นแป้งให้ได้ทั้ง texture แล้วก็รสสัมผัสที่ดีจริงๆ เราเลยเลือกทำเป็นแป้งแบบฝรั่งเศสที่ทีมี layer แป้งบางกรอบซ้อนๆกันถึง 243 ชั้น
เข้ากับไส้พายที่เลือกวัตถุดิบอย่างดีเอามาปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อเจ็บรถจากธรรมชาติของวัตถุดิบเอาไว้จริงๆ (slow cook)  รวมถึงทดลองcombination ของ วัตถุดิบใหม่ เป็นรสชาติใหม่ๆที่ยังคงความรู้สึกแบบ comfort food ทานได้ทุกคน

เรื่อง character และดีไซน์ของร้าน เราขายของทานเล่น ขายขนมก็เลยอยากให้ออกมาดูสนุกสนาน (หุ้นส่วนทุกคน ก็ออกจะเพี้ยนเพี้ยน) รวมถึงเราเป็นแบรนด์ไทย ก็อยากจะนำเสนอมุมสนุกสนุกตลกตลกของวัฒนธรรมไทยออกไปพร้อมพร้อมกับแบรนด์เราด้วย
เลยมี illustration ที่ใช้ตกแต่งร้านรวมถึงบนสื่อต่างๆเป็นลวดลายมุขตลกต่างๆหรือรอเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนไทย
(ใบ้หวย ท่อน้ำ เสาไฟ แก๊งค์ซิ่ง แก๊งกะเทยเด็ก นางงามฯ) ให้ลูกค้าที่มาที่ร้านได้อมยิ้มกัน

ซึ่งไม่ผิดจากที่กล่าวเลยนะคะ ถ้าได้ไปแวะเวียนดูเฟสบุ๊คของทางร้าน จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ค่ะ

ส่วนเมนูเด่นของร้าน และเมนูที่จะนำมาเสนอในรายการ mini pie HOLY YOLKY
NEW 2 MENU! a) GOURMET YOGURT ICE CREAM  ซึ่งเป็นของหวานที่ทางร้านทำขึ้นมา
เป็น home mix yogurt สูตรพิเศษของทางร้านที่เรานำไปทำเป็น Ice Cream และมีการปรุงด้วยผลไม้สด superfood  ซอสและเครื่องปรุงต่างๆ ผสมผสานให้เกิดรสชาติแปลกใหม่หลากหลาย เป็นเมนูของหวานแนวใหม่
ที่ให้ทั้งแฟน YOGURT และคนที่ไม่เคยทานน่าจะชื่นชอบ

 


และ b) Mini PIE หมูแดง พายไส้ใหม่ล่าสุดของทางร้าน น่ากินมากๆ เลยล่ะค่ะ

กลับมาสู่เรื่องของเราต่อ
เมื่อเราไปถึงก็มีคนยืนต่อแถวรอประมาณนึงล่ะ นับได้คร่าวยี่สิบกว่าๆ ก็ยืนรอสักพักค่ะ พอห้าโมงตรงก็เริ่มแจก เมื่อถึงคิวเราจะเห็นได้ว่า ที่ร้านทำสดๆ แจกกันตรงนั้นเลยค่ะ คนอื่นรับเสร็จก็เดินออกจากร้านไป แต่เราขอแวะเข้าไปนั่งซะหน่อยจะได้ถ่ายรูปสวยๆ สวยได้แค่นี้แหละค่ะ 555 นอกจากจะได้พายมาชิมแล้วยังได้ Gift Voucher อีก 1 ใบ มูลค่า 100 บาทด้วยค่ะ

 


ตัวที่ได้รับแจกเป็น SPECIAL MENU ที่ทำขึ้นพิเศษเฉพาะงานวันนั้นค่ะ (เพราะจะมีแป้งพายข้างล่างคะ แต่ Ice Yogurt ตัวเดียวกันกับที่ทำขายจริง) ด้านล่างเป็นแป้งพายหลายชั้น ที่แต่ละชั้นบ๊างงงงงบาง กัดแล้วกร๊อบกรอบ ด้านบนเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตเย็นฉ่ำ รสออกเปรี้ยวเหมือนกินโยเกิร์ตเลยค่ะ แต่เราชอบอยู่ตรงที่ ตั้งถ่ายรูปตั้งนาน กว่าจะกินหมดชิ้นก็ไม่ค่อยละลายค่ะ ส่วนด้านบนสุดโรยด้วยผงชินนามอน น้ำตาลทรายแดงและผิวส้ม ให้รสเปรี้ยวหวานตัดกันดี

พอชิมเสร็จเลยขอแอบไปสอบถามข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ กับพี่สาวคนสวย (ลืมถามชื่อมา มัวแต่จดข้อมูล อิอิ) พอบอกพี่เขาว่าเขียนรีวิวนิดๆ โหน่ยๆ พี่เลยจัดมาให้เต็มที่เลยค่ะ ได้ชิมมาอีกสามรส อร่อยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ

 


เอาตัวแนะนำก่อนเลยนะคะ คือ Holy Yolky (Egg Lava) เป็นพายไส้ไข่ลาวาค่ะ พอตัดปุ๊บไส้จะไหลเยิ้มออกมา สีสันน่ากินมากกกกก

 


ไส้นั้นจะทำจากไข่แดงของไข่เค็มไชยา ชิ้นที่เรากินนั้น ได้ทำขึ้นมาสักพัก ไม่ถึงกับร้อนแต่ยังอุ่นๆ อยู่ แต่พอหันแล้วกินปุ๊บ อืมหื้มมมม มันฟินมว๊ากกกกกก ตัวไส้ยังอุ่นๆ คือกินแล้วได้ถึงความหอมของไข่แดงไข่เค็มเลยค่ะ ไม่ต้องบรรยายใดๆ นอกจากอร่อยมากกกกก และฟินมว๊ากกกกกกกกกก คือแบบกินแล้วนี่คิดทันทีเลยถ้าเป็นพายที่ทำเสร็จร้อนๆ คงจะฟินยิ่งกว่านี้ 5555 นอกจากร้านจะแนะนำแล้วเราขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยค่ะ ว่าสมควรเป็นเมนูแนะนำมากๆ อร่อยที่สุด อร่อยทั้งแป้งพายยันไส้เลยค่ะ

 


ตัวถัดมาจะเป็น Thai Tea ก็คือพายชาไทยลาวาค่ะ เยิ้มเหมือนกัลลลลล ชิ้นนี้ที่เราชิมเป็นตัวที่อยู่ในถาดที่ทางร้านตั้งไว้ให้ลูกค้าชิม น่าจะตั้งสักพักแล้วถึงไม่มีความร้อนความอุ่นอยู่ ความรู้สึกของแป้งพายก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ความอร่อยลดลงไปนิสนึง ส่วนไส้ชาไทยนี้ หอมมากกกกกก หอมชาค่ะ รสจะออกมาทางหวาน เนื้อครีมข้นมาก ความอร่อยมาเต็มแต่ถ้าได้กินตอนร้อนๆ คงจะฟินไม่แพ้ไข่ลาวาแน่ๆ เลยค่ะ แต่เราแอบรู้สึกถึงความเลี่ยนนิดหน่อย กินน้อยๆ พอไหว

 


และไส้สุดท้ายคือ Camembert (Camembert Cheese & Salted Caramel) เป็นไส้ที่รวมระหว่างชีสและคาราเมลค่ะ โดยตรงกลางจะวางด้วยชีส Camembert และล้อมรอบด้วยคาราเมลค่ะ ตัวชีสก็ออกเค็มๆ ตัวคาราเมลก็ออกหวานๆ แต่รสชาติโดยรวมออกค่อนไปทางเค็มมากกว่าค่ะ ถึงจะเค็มแต่ก็กลมกล่อม และเข้ากันมากๆ เลยค่ะ

ทั้งสามไส้นี้ไส้เยิ้มหมดเลยนะคะ อย่างที่บอกค่ะว่าถ้าได้กินต้องร้อนๆ ชัวร์ค่ะ ว่าฟินแน่นอน เพราะได้ลิ้มรสทั้งแป้งพายที่กร๊อบกรอบ ไส้หลากรสชาติที่เยิ้มชวนฟิน บรรยากาศร้านนั่งชิลๆ (เสียดายที่นั่งน้อยไปหน่อย ถ้าคนไม่มากก็ชวนชิลได้แหละ อิอิ)

ใครอ่านแล้วสนใจหรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมตามไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/holymolybangkok/

ใครไปกินมาแล้วก็มาเม้ามอยกันได้นะคะ

ปล. ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพบางรูปจากเฟสบุ๊คของทางร้านนะคะ


 
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿0(อาหารว่าง)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 5  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | ร้านในคอมมูนิตี้มอลล์ | อุด้ง ราเมน | ลำลอง

ร้านราเม็ง ผู้ครองความนิยมอันดับหนึ่งในแถบคันไซ ประเทศญี่ปุ่น

 
เปิดตัวต่างแดนเป็นครั้งแรกแล้วที่ประเทศไทย พิสูจน์รสชาติความอร่อยส่งตรงจากโอซาก้าได้แล้ววันนี้ที่ชั้น 3 Rain Hill Complex สุขุมวิท 47 แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม Ramen-Kio สามารถอยู่รอดในเมืองโอซาก้าที่ "พิถีพิถันเรื่องการกิน" มายาวนานถึงกว่า 15 ปี

 
วันนี้มาเปิดข้อความตามเฟซบุ๊คของร้าน Ramen-Kio เลยค่ะ ร้านนี้มีสองสาขาคือที่ชั้น 3 ของ Rain Hill Complex สุขุมวิท 47 และที่ชั้น 4 ของสยามสแควร์วันค่ะ

 
ส่วนตัวเรานั้นได้ไปกินที่ Rain Hill Complex ค่ะ  เพราะได้วอยเชอร์มูลค่า 500 บาทมา แต่มีเงื่อนไขให้ใช้ได้แต่ที่สาขานี้เท่านั้นเราเลยลุยมาถึงที่นี่เลยคร่าาา

 
Rain Hill Complex ชื่ออาจจะไม่คุ้นสำหรับใครหลายคนรวมถึงตัวเราเองด้วย แต่การเดินทางนั้นไม่ลำบากเลยค่ะ ใครไปเส้นสุขุมวิทบ่อย น่าจะไปถูกค่ะ เพราะ Rain Hill Complex นั้นอยู่ติดริมถนนสุขุมวิทเลยค่ะ ถึงก่อนสุขุมวิท 47 สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า จะอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์และทองหล่อ ลองเลือกกันเอานะคะ จะลงที่สถานี้ไหนดี ส่วนตัวเรานั้น เราใช้บริการรถเมล์ค่ะ เท่าที่จำได้ก็จะมีสาย 2, 25, 40, 48 ค่ะ ลงป้ายอยู่ใกล้ๆ กับ Rain Hill Complex เลยค่ะ เมื่อเดินเข้าไป ให้หาลิฟต์ นะคะ กดขึ้นไปชั้น 3 เลยค่ะ ออกจากลิฟต์ให้เลี้ยวซ้าย ตรงๆ ไปจะเป็นห้องน้ำ ให้เลี้ยวซ้ายอีกทีจะเห็นร้าน Ramen Kio ราเมงเต่าน้อยของเราอยู่สุดทางเลยค่ะ ดูหน้าตาท่าทางของหน้าร้านแล้วคงเป็นร้านเล็กๆ พอเดินเข้าไปในร้าน ก็อืมเล็กจริงๆ แต่พอเข้าไปเกือบสุดทางทำให้รู้ว่าคิดผิดไปถนัดเลยค่ะ ร้านเป็นตัว L ทางที่เราเห็นนั้นเป็นแค่ขีดบนลงล่างเท่านั้น ยังมีขีดจากซ้ายไปขวาอีก ทำให้จริงๆ แล้วร้านนี้สามารถรับลูกค้าได้ค่อนข้างมากเลยล่ะค่ะ

 
หากเข้าร้านมา มองไปทางขวามือ จะเป็นโต๊ะตัวไม่ใหญ่ และมีโต๊ะที่ตั้งเป็นแถวริมหน้าต่างให้เราหันมองออกไปด้านนอกได้ แต่ช่วงเวลาที่เราไปนั่นค่ำแล้วทำให้เรามองไม่เห็นอะไรมากอ่ะค่ะ ส่วนซ้ายมือของประตูจะเป็นเคาน์เตอร์เก็บเงินค่ะ ถัดมาก็จะเป็นโต๊ะโซฟาที่นั่งได้ 4 คน ซึ่งเราก็นั่งโต๊ะตรงนี้แหละคะ เป็นโต๊ะตัวในสุด เป็นด้านหน้าของมุมที่ทำอาหารเลยล่ะค่ะ ส่วนด้านในยังมีโต๊ะอีกเป็นสิบที่จะรองรับลูกค้า

 
หากมากินราเมงแบบต้องการความสงบ บอกเลยว่าร้านนี้มีให้ไม่ได้ค่ะ ร้านค่อนข้างเจี้ยวจ้าว เนื่องจากพนักงานจะส่งเสียงต้อนรับลูกค้าเมื่อลูกค้าเข้ามาใหม่และส่งเสียงขอบคุณเมื่อลูกค้ากินเสร็จ เหมือนร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปที่เราเจอนะคะ และยังมีเสียงที่สั่งอาหารระหว่างพนักงานกับเชฟอีกด้วยค่ะ แต่เรื่องเสียงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราค่ะ จะดังก็ไม่ได้อะไร นั่งเล่นชิลๆ คุยกะแม่ไป ดูพนักงานทำงานกันไป

 
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหัวค่ำวันอาทิตย์ ลูกค้าค่อนข้างเยอะด้วย เมื่อได้ที่นั่งพนักงานจะนำเมนูมาให้ แล้วเดินจากไป ให้เราเลือกได้ตามใจชอบ สักพักก็จะมีเสิร์ฟน้ำชาพร้อมทั้งผ้าเช็ดมือห่อสีแดงค่ะ ฟรีด้วยนะคะ อิอิ น้ำชานี้เสิร์ฟมาไม่อั้นเลยค่ะ หมดปุ๊บเติมปั๊บ กินไปได้เรื่อยๆ เบยยยยยย

 
เราก็เลือกจนได้เมนูที่อยากกินก็เรียกพนักงานมาค่ะ ที่นี่มีเมนูมากมายเลยค่ะ เมนูเด็ดของที่นี่คือ กระดูกอ่อนตุ๋นส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนซึ่งมีเพียงไม่กี่ชิ้นในหมู 1 ตัว เห็นใครหลายคนแนะนำมา เราก็ต้องลองซะหน่อย จัดไปกับ Kuruniku Ippinmen ราเม็งหน้ากระดูกอ่อนตุ๋นส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน (300 บาท) เมนูนี้เราลองเองค่ะ ส่วนของแม่ขอเมนูแบบไทยๆ ซะหน่อย เป็นต้มยำราเมง (240 บาท) รอสักพักใหญ่ จึงมาเสิร์ฟในเมนูของเรา เราก็รออยากจะถ่ายรูปรวม แต่ก็รอน้านนนนนนานกว่าต้มยำราเมงจะมา กลัวราเมงเราจะไม่ร้อนซะก่อน แต่พนักงานก็ดีนะคะ พอเห็นเรารอ แล้วแอบบ่นเบาๆ เขาก็ตามให้เราด้วย แป๊ปเดียวก็ได้มาล่ะ น่ากินช่ะม่ะ อิอิ

 
Kuruniku Ippinmen ราเม็งหน้ากระดูกอ่อนตุ๋นส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ค่อยคุ้นชินกับราเมงรสชาติแท้ๆ แบบญี่ปุ่น เาจะติดอะไรแบบไทยๆ มากกว่า ดังนั้นเมนูนี้ จึงไม่เด็ดมากสำหรับเรา แต่รสชาตินี่คือกลมกล่อมและเข้มข้นมาก รสออกเค็มจัด บนโต๊ะนี่มีเครื่องปรุงึ่ะ เราก็จัดซะ ทั้งน้ำส้มสายชูและน้ำมันงา  แต่ก็ไม่ได้ปรุงเยอะมาก กลัวเสียรสชาติดั้งเดิมเอา เส้นเป็นเส้นราเมงแบบเส้นใหญ่หน่อยคล้ายยากิโซบะ (เราไม่รู่ว่าเขาเรียกว่าเส้นอะไรอ่าาา >< ) ส่วนกระดูกหมูอ่อนนี้ กินก็อร่อยดี นุ่มๆ นิ่มๆ แต่เรามีความรู้สึกว่า เรากินหมดทั้งชิ้นนี้แล้วเลี่ยนไปหน่อยค่ะ เมนูนี้เราให้ 8.5/10 เลยค่ะ

 
ส่วนต้มยำราเมง จานนี้มาแบบต้มยำน้ำข้น แค่เห็นก็รู้สึกว่าเข้มข้นมากๆ เมื่อได้ชิมก็ไม่ผิดไปจากที่คิดเลยค่ะ เข้มข้น จัดจ้น ได้ใจ สไตล์คนไทยมากๆ จานนี้ถ้ามีข้าวสวยร้อนๆ นะคะ ดีเลยค่ะ เพราะรสชาติเขาทำมาได้ครบรสเค็มนำ เผ็ดตาม เปรี้ยวรอง กินกับข้าวสวยอร่อยเลย ยิ่งมาตอนร้อนๆ ควันยังลอยอยู่ด้วยนะคะ ฟินเฟ่อร์ อันนั้นแค่ความคิด กลับมาสู่ความจริง ต้มยำราเมงเป็นต้มยำกุ้งค่ะ กุ้งตัวไม่ใหญ่มาก แต่สดดี มีเห็ดฟางประกอบมาไม่มาก แต่ที่มาเต็มจริงๆ คือเครื่องต้มยำค่ะ เครื่องมาเต็ม รสชาติก็มาเต็มเช่นกัน คือกินแล้วเราไม่รู้สึกว่ากินอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นเลยค่ะ  เมนูนี้ให้ 9.5/10 หายไปครี่งคะแนนเพราะรสชาติออกเค็มไปหน่อย 555

สำหรับเรา เราชอบร้านนี้นะคะ ถึงรสชาติอาจตะไม่ได้ถูกปากเราทีเดียว แต่เราว่าอาหารเขาบอกได้เต็มปากเลยค่ะว่าอร่อย! บรรยากาศก็ดี เดินทางก็ง่ายด้วยค่ะ หากใครอ่านแล้วสนใจอยากไปลองชิมบ้าง สามารถลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/Ramen.kio/

 
และทุกวันที่ 28 ของเดือน เป็นวัน Kio's Day ทางร้านมีโปรโมชันลด 50% ด้วยนะคะ

 
 
Table Wait Time: 20 minute(s)


วันที่ไปกิน: Nov 20, 2016 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿300(มื้อดึก)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านในคอมมูนิตี้มอลล์ | ติ่มซำ ขนมจีบ ซาลาเปา

วันนี้พามาลองของใหม่กันคร่าาาา ที่ร้าน Hotto bun สาขาท่ามหาราช

 
ร้านนี้มีอยู่ 6 สาขา คือที่ท่ามหาราช ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ม.กรุงเทพ เชียงใหม่ มหิดลศาลายา และขอนแก่นค่ะ

 

 
ส่วนสาขาที่เรามาลองนี้คือที่สาขามหาราช อยู่ในท่ามหาราช หากเข้าทางเข้าข้างหน้าที่รถวิ่งเข้ามาจอด ให้เลี้ยวขวาร้านแรกๆ อยู่ระหว่างร้าน S&P และสตาร์บัคส์ค่ะ เป็นซุ้มสองซุ้ม ซุ้มแรกเป็นรถไว้สำหรับสั่งอาหารทำอาหาร  ส่วนอีกซุ้มเป็นที่นั่งของลูกค้าค่ะ เป็นโต๊ะเล็กๆ มีทั้งหมด 4 โต๊ะ แต่ละโต๊ะก็จะมีเก้าอี้ไม้เข้าชุดอีก 2 ตัว พร้อมทั้งถังที่ทำเป็นเก้าอี้ให้นั่งอีก 2 ตัว บรรยากาศดี๊ดี ถึงแม้ว่าตอนที่เราไปนั้นใกล้เที่ยง แดดแรงไปนิด อากาศร้อนไปหน่อย แต่ถ่ายรูปมาแสงสวยมากเลยค่ะ

 

 
เมนูก็มีหลายอย่างให้เลือก บันก็จะมีทั้งบันหมูตุ๋น บันไก่กรอบ สองอย่างนี้เป็นเมนูแนะนำเลยค่ะ แล้วก็มีบันปลา และบันหมูพิริคาระ บันราคา 65 บาท ยกเว้นบันพิริคาระราคา 75 บาท หากเปลี่ยนเป็นแป้งโฮลวีตก็ราคา +10 บาท ส่วนเครื่องดื่มก็จะมีทั้งชาบาร์เลย์กี่วี่ (55 บาท) ชาบาร์เลย์ส้ม (55 บาท) สองเมนูนี้ก็เป็นเมนูแนะนำค่ะ แล้วยังมีชาบาร์เลย์บ๊วยอูเมะ (55 บาท) ชาเขียวมัชฉะออริจินัล (55 บาท) ชาเขียวมัชฉะบ๊วยอูเมะ (55 บาท) และชาเขียวมัชฉะลาเต้ถั่วแดง (58 บาท)
ของกินเล่นก็มีทั้งเช็คฟราย (55 บาท) และ บันมัชฉะคัสตาร์ด (75 บาท)

 
นั่นคือเมนูเดี่ยว แต่ถ้าใครอยากกินเยอะ ลองสั่งเป็นเซ็ตก็คุ้มและอิ่มดีด้วยนะคะ มีทั้งฮ็อทโตะเซ็ตและมินิเซ็ต ฮ็อทโตะเซ็ต ราคา 145 บาท สามารถเลือกบันได้ 1 ชิ้น เครื่องดื่ม 1 ที่และเช็คฟรายอีก 1 ที่ค่ะ ส่วนมินิเซ็ต ราคา 110 บาท จะมีบันและเรื่องดื่ม อย่างละที่ค่ะ ซึ่งเป็นเซ็ตแบบนี้สามารถเปลี่ยนเป็นแป้งโฮลวีต +10 บาท พิริคาระ +10 บาท

 

 
ส่วนเราสั่งเป็นเซ็ตค่ะ เอาเป็นฮ็อทโตะเซ็ตและมินิเซ็ตอย่างละเซ็ตค่ะ เลือกเป็นบันปลาและบันหมูตุ๋น แต่พอมาเสิร์ฟได้เป็นทอดๆทั้งสองชิ้นเลย เราก็งงๆ ก็เออๆ กินไปก็ได้เขาทำมาแล้วหนิ สักพักพนักงานวิ่งมาถามสั่งหมูตุ๋นใช่มั้ยคะ ทำผิดเป็นไก่กรอบ เราก็เอาเถอะ ทำมาแล้ว กินได้ ไม่ว่ากัน แต่หน้าตาของบันปลาและบันไก่กรอบนี่เหมือนกันเลยนะคะ ไม่เห็นความแตกต่างเลย ต้องกินอย่างเดียวถึงจะรู้

 
บันจะคล้ายๆ กับเบอร์เกอร์ เพียงแต่แป้งด้านนอกเป็นแป้งนุ่มๆ สีขาวคล้ายแป้งหมั่นโถว ลักษณะรี แล้วพับครึ่งวางเนื้ออย่างหมูตุ๋น ไก่กรอบหรือปลา และผักสดไว้ด้านใน มีสาหร่ายแปะอยู่ตรงกลางของแป้งด้านนอก สั่งแล้วต้องรอสักพักเพราะเขาทำสดมาเลยๆ ควันยังฉุยอยู่เลย แป้งนุ่มร้อน รสออกหวานนิดๆ มีสาหร่ายแต่สาหร่ายเหนียวไปหน่อยกัดไม่ออก 555 ผักก็ส้ดสด กร้อบกรอบ เนื้อปลาและเนื้อไก่ที่ชุบแป้งทอดก็สดเหมือนกันค่ะ ทอดจนแป้งเหลืองกรอบ เนื้อในยังร้อนจี๋จนแทบจับไม่ได้เบยยยยย อ้อ นอกจากเมนูที่สั่งแล้วเราจะได้ถุงมือพลาสติกมาคนละข้างด้วยนะคะ ให้มาจับบันกิน แต่เราก็จับมากัดไม่ได้เพราะชิ้นมันใหญ่กว่าปากอ่ะ 555 เลยค่อยๆ ฉีกเป็นคำๆกินไป ความอร่อยของบันอยู่ซอสที่ราดมาบนเนื้อค่ะ เป็นซอสอะไรไม่แน่ใจ แต่อร่อยมากค่ะ ทำให้บันมีความกลมกล่อม อร่อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลยยยยย

 
ส่วนเช็คฟรายไม่แน่ใจว่าเอาเฟรนฟรายไปเช็คกับอะไร แต่เฟรนฟรายทอดมาได้ร้อนและกรอบมาก กรอบนอกนุ่มใน ได้เนื้อของมันอยู่ด้านใน จิ้มซอสน่าจะเป็นตัวเดียวกับที่ราดบันมา โรยด้วยงาขาวเล็กน้อย อร่อยมากๆๆๆ

 
เครื่องดื่ม ชาบาร์เลย์กีวี่ อร่อยมาก ไม่รู้สึกว่าเป็นชาเลย เหมือนกินน้ำกีวี่เลยค่ะ รสออกหวานนิดๆ แก้กระหายดีค่ะ

 
ส่วนชาบาร์เลย์ส้ม ตัวนี้จะมีความเข้มข้นมากกว่า ได้ทั้งรสชาและส้มเลยค่ะ อร่อยเหมือนกัน จะมีรสเปรี้ยวมานิดๆ แซมรสหวาน ส่ส่วนตัวแล้วชอบชาบาร์เลย์กีวี่มากกว่าค่ะ

สำหรับร้านนี้ถือว่าเป็นการคาดการณ์ที่ผิดมาก ตอนที่จะมากินไม่คิดว่าจะอร่อยขนาดนี้ ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารแบบนี้ เลยคืดว่าน่าจะงั้นๆมั้ง แต่พอกินแล้วยอมรับเลยค่ะว่าพลาดไม่ได้จริงๆ ใครแวะมาแถวนี้มาลองชิมกันได้นะคะ ที่ท่ามหาราช ร้านเปิด 10 โมง แต่ที่เราไปแป้งบันยังไม่เสร็จ กว่าจะได้สั่งก็เกือบ 11 โมงล่ะค่ะ

หากใครอยากดูเมนูอื่นๆ เข้า Facebook หรือ instargram แล้วดู #hottobun นะคะ มีอะไรๆ ให้เลือกดูเยอะแยะเลยค่ะ
 
เมนูแนะนำ:  เช็คฟราย, ชาบาร์เลย์ส้ม, ชาบาร์เลย์กีวี่, บันไก่กรอบ, บันปลา
 
Table Wait Time: 30 minute(s)


วันที่ไปกิน: Dec 12, 2016 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿100(มื้อเที่ยง)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | อุด้ง ราเมน | ลำลอง

หลังจากเดินวนเวียนหาของกินที่ลงไม่ได้ซะว่าจะกินอะไรดี สุดท้ายมาลงที่ชาบูตงเพราะว่าเห็นมีเมนูใหม่โชว์หราอยู่หน้าร้าน ที่สำคัญราคาไม่แพงมากด้วยจ้าาาาา จะรอช้าอยู่ไย ลุยเลยจ้าาาา พนักงานยืนตรงรับหน้าร้านหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พอเข้าไปในร้านก็จะได้ยินคำต้อนรับเป็นภาษาญี่ปุ่นจากพนักงานทุกคนเลยค่ะ

 
ชาบูตงที่เซ็นทรัลเวิล์ดนี้อยู่ที่ชั้น 6 ค่ะ หากออกจากลิฟต์มาตรงๆ แล้วเลี้ยวขวาตรงร้านดังกิ้นโดนัท ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ เยี้ยงๆ กับร้านเคเอฟซีเลยค่ะ ชาบูตงที่ดูเหมือนร้านไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับร้านอื่น แต่เมื่อเข้าไปข้างใน มีที่นั่งค่อนข้างเยอะ มีทั้งที่นั่งเป็นเก้าอี้ตรงกลางร้านและมีโต๊ะแบบเก้าอี้ยาวที่รอบๆ ตรงที่ติดกระจกของร้าน พอดีวันนั้นเราไปคนไม่เยอะมากเลยได้ที่นั่งติดกระจกด้านในสุดของร้านเลยค่ะพอได้ที่นั่งพนักงานก็จะเอาเมนูมาไว้ให้เราเลือกได้จนพอใจเลยค่ะ แต่เราไม่ต้องเลือกนานค่ะ เพราะเล็งตั้งแต่อยู่หน้าร้านล่ะ จัดไปกับเมนูใหม่น่าลอง อิตาเมชิ ข้าวผัดกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่น มีให้เลือก 3 เมนู กับราคาเบาๆ แค่ 89 และ 99 บาทเองค่ะ
เมนูข้าวผัดกระเทียมเนยสดกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่น ราคา 99 บาท
เมนูข้าวผัดซอสนโปลิตันและชีสกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่น ราคา 89 บาท
และเมนูข้าวผัดซอสแกงกะหรี่กระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่น ราคา 89 บาท
ซึ่งทั้งสามเมนูนี้สามารถเพิ่มซุปใสในราคา 19 บาท เพิ่มเครื่องดื่มรีฟิลทั้งน้ำอัดลมและชาต่างๆ หรือ ซิตรัสฮันนี่ หรือ แครนเบอร์รี่แอปเปิ้ลในราคา 39 บาทค่ะ
โปรโมชั่นนี้มีถึง 30 กันยายนเท่านั้น และมีใน 6 สาขาเท่านั้น นั่นก็คือที่เซ็นทรัลเวิล์ด ชั้น 6, เดอะมอลล์ บางกะปิ ชั้น 3, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น B, เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น G, เซ็นทรัล แกรนด์ พระรามเก้า ชั้น 6 และเซ็นทรัลบางนา ชั้น 5 ค่ะ

 
ทีนี้มาดูเมนูที่เราได้ลองบ้างดีกว่า ก็คือ เมนูข้าวผัดกระเทียมเนยสดกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่น จะเสิร์ฟมาในกระทะร้อน มีข้าววางตรงกลาง โรยหน้าด้วยหมูชาชู แสนอร่อยของชาบูตง และรอบๆกระทะก็เป็นไข่และต้นหอมซอย น่าจะเป็นต้นหอมญี่ปุ่นนะคะ

 

 

 
เมื่อพนักงานวางถาดลงบนโต๊ะปุ๊บก็จะราดน้ำซอสให้เราทันที ถ่ายรูปแทบไม่ทันเลยล่ะค่ะ

 
เมนูข้าวผัดซอสนโปลิตันและชีสกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่น ก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่เมนูนี้จะเป็นไส้กรอกหมูโรยบนแทน และผักก็จะเป็นหอมใหญ่ มะเขือเทศและถั่วลันเตาค่ะ

 

 
ส่วนรสชาตินะคะ ทั้งสองเมนูรสออกค่อนข้างเค็มมาก อาจจะเป็นด้วยน้ำซอส แต่ถ้าเป็นตัว ข้าวผัดกระเทียมเนยสดกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่น จะเสิร์ฟมาในกระทะร้อน เราจะชอบมากกว่าเพราะมีความหอมของเนยมากกว่า และหมูชาชูของชาบูตงก็เป็นหมูที่นุ่มและอร่อยมากๆ เลยค่ะ พูดถึงความเค็ม เราเลยแก้ด้วยเครื่องปรุงที่อยู่บนโต๊ะ ทั้งพริกป่น น้ำส้มสายชู น้ำมันงารสเผ็ด ปรุงเข้าไปเลยจ้าาาา ให้ลดความเค็มซักหน่อย คือเรื่องรสชาติโอเคเลยนะคะ ทั้งหอม เข้มข้น และกลมกล่อม
ส่วนอีกเมนูจะมีความเค็มที่น้อยกว่า ไส้กรอกหมูอร่อยดีค่ะ หนังกรอบ กรุบๆ ดี

ส่วนเครื่องดื่ม เราสั่งเป็นเป๊ปซี่ รีฟิล เพิ่มอีก 39 บาท เติมวนไปค่ะ 555

มื้อนี้เราใช้ บัตร CRG+ จ่าย พอดีช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดเพิ่มอีก 20% ค่ะ เพราะปกติลดแค่ 10% เองน้าาา ทั้งหมดจาก 227 บาท เลยเหลือแค่ 182 บาท ใครอยากได้ลดราคาแบบนี้ไปสมัครบัตรใช้กันได้นะคะ ไม่ใช่แค่ชาบูตงเท่านั้นยังมีหลายร้านเลยล่ะค่ะ

อย่าลืมนะคะ สำหรับเมนูนี้หากใครไปกินแล้วจะถ่ายรูป บอกเลยว่าต้องมือไหว รีบถ่าย มิฉะนั้นข้าวอาจจะไหม้ได้นะคร่าาาาา

 

 
 
Table Wait Time: 10 minute(s)


วันที่ไปกิน: Jul 20, 2016 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿100(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | อาหารญี่ปุ่น | อาหารฟิวชั่น | ร้านอาหารทั่วไป | สุกี้ ชาบู | ซูชิ ซาซิมิ | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

พอดีได้รับรางวัลจากเพจกินเที่ยว around the world จากเทปที่พาไปชิมอาหารที่ร้านต้นหอม ซึ่งรางวัลที่ได้ก็คือเมนูตามที่รายการแนะนำเลยค่ะ

 
ร้านต้นหอมอยู่ที่ซอยอารีย์ 5 ค่ะ การเดินทางมีหลายวิธี หากเดินทางด้วยรถส่วนตัว สามารถมาจากเส้นถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าซอยอารีย์ หรือซอยพหลโยธิน 7 เข้าไปขับไปเรื่อยๆ เข้าซอยอารีย์ 3 ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือ แล้ววนไปเข้าซอยอารีย์ 5 เพราะที่ซอยอารีย์ 5 นี้เป็นทางวันเวย์ที่จะออกมาซอยอารีย์ค่ะ ซึ่งเมื่อเลี้ยวเข้าซอยอารีย์มานิดหน่อยแล้วร้านจะอยู่ทางซ้ายมือเลยค่ะ ที่ร้านเป็นลักษณะคล้ายบ้านเดี่ยว มีพื้นที่หน้าร้านไว้จอดรถของลูกค้าได้เป็นสิบคันอยู่นะคะ แต่ตอนนั้นที่เราไปค่อนข้างเช้า ราวๆ สิบเอ็ดซึ่งร้านเพิ่งเปิดค่ะ ยังไม่มีลูกค้าเลย เราเข้าไปคนแรกเลยจ้าาาา ส่วนคนที่เดินทางด้วยรถสาธารณะอย่างเรา เรานั่งรถเมล์สาย 8 ไปลงที่อารีย์ค่ะ เช่นเดียวกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส จะมาลงที่ปากซอยอารีย์พอดีเลยค่ะ  แล้วต้องต่อรถแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซด์เข้าไปค่ะ แต่ด้วยความมั่น เราเดินค่ะ! เดินไปที่ซอยอารีย์ 5 ไม่ไกลมากนะคะ แต่ตอนเดินเข้าซอยอารีย์ 5 ไปที่ร้านน่ะค่ะ ไกลมากกกก นึกว่าหลงทางซะอีก เดินตั้งนาน ไม่เจอร้านซะที 555

เมื่อมาถึงร้านก็บอกชื่อที่จอง เพราะเราได้รางวัลมาจากรายการเลยต้องแจ้งให้ทางร้านทราบล่วงหน้าก่อน

 
ร้านสไตส์ค่อนข้างหรูหรา จะแบ่งออกเป็นสามโซน คือบริเวณที่เรานั่ง จะเป็นบริเวณที่สั่งอาหารจานเดียว มีที่นั่งหลายมุมค่ะ เป็นโต๊ะ เป็นโซฟาอย่างที่เรานั่ง

 
หรืออีกมุมที่เราชอบมากมีแค่ 2 โต๊ะเองคือเป็นโต๊ะเตี้ย นั่งโซฟานุ่มๆ เตี้ยๆ เหมาะแก่การนั่งคุย นั่งชิลอย่างมากเลยค่ะ

 
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นโต๊ะของชาบู บุฟเฟ่ต์ ซึ่งพอดีวันนั้นที่เราไปเจอจังหวะที่เขามากินดันกลุ่มใหญ่เลยค่อนข้างคึกคักมากค่ะ ราคาหัวละ 359 บาท มีเนื้อหลายอย่างตามนี้

ผักอีกหลายชนิดตามนี้ ขออภัยโดนบังไปนิดหน่อย 555

มีเครื่องดื่มให้ดื่มหลายชนิดทั้งน้ำผลไม้และเครื่องดื่มของเนสท์เล่

แล้วยังมีผลไม้ ของหวาน และไอศกรีมอีกด้วยค่ะ

และยังมีอีกมุมหนึ่งอยู่ในอีกโซนข้างๆที่มีกระจกกั้น ถามพนักงาน เขาว่าจะเปิดช่วงเย็นค่ะ

ส่วนเมนูที่เราได้กินในวันนี้คือ

 
วุ้นเส้นผัดสะตอ ราคา 200 บาท เป็นเมนูที่แปลกดีค่ะ เอาวุ้นเส้นมาผัดกับสะตอใส่กุ้ง รสชาติออกจืดๆ กลมกล่อม คนไม่กินเผ็ดกินได้ค่ะ แต่เราว่าเขาผัดวุ้นเส้นแข็งไปหน่อย

 
ปลาหมึกไข่ผัดซอสไข่เค็ม ราคา 200 บาท เมนูนี้ปลื้มมากกกกก อร่อยมากกกก ซอสไข่เค็มเข้มข้นมากๆ แต่ไม่ได้เค็มเกินไปนะคะ รสชาติกลมกล่อม ได้เนื้อไข่แดงมาเต็มๆ ปลาหมึกตัวไม่ใหญ่มีไข่มาเต็มตัว เนื้อปลาหมึกไม่ได้เหนียวแบบทั่วไปที่กิน ออกนุ่มๆ เช่นเดียวกับไข่หนุบหนับดี ชอบๆๆๆๆ

 
ปลาหมึกไข่ทอดน้ำปลา ราคา 200 บาท ตัวปลาหมึกจะออกเหนียวกว่าปลาหมึกไข่ผัดซอสไข่เค็ม รสชาติก็ไม่ได้เค็มเกินไป เค็มนิดๆ หอมๆ กินกับข้าวร้อนๆ อร่อยเลยจ้าาา ชอบที่สุดคือไข่ค่ะ ฟินมว๊ากกกกกก

 
แกงเหลืองหน่อไม้ดองแซลมอน ราคา 250 บาท เป็นเมนูที่ค่อยได้กินนัก  รสชาติเปรี้ยวเผ็ดเค็มกำลังดี รสออกจัด ถ้าคนกินจืดคาดว่ากินไม่ได้นะคะเมนูนี้ หน่อไม้อ่อนกำลังดี มีแก่บ้างแต่ก็ไม่ได้เหนียวเกินไป ส่วนแซลมอนเราว่าไม่ค่อยโอกับแซลมอนสุกเท่าไหร่ 555 เราว่ารสชาติมันแปลกๆ ค่ะ

กุ้งต้นหอม ราคา 180 บาท เมนูนี้ชอบมากกกกก อร่อยที่สุด เราไม่มั่นใจว่าชื่อนี้มีที่มายังไงนะคะ แต่เป็นกุ้งฝอยชุบแป้งทอดเป็นตัวๆ เล็กๆ และยังมีใบมะกรูดทอดกรอบๆ หอมๆ คลุกมากกับกุ้ง มีมะนาว ต้นหอมและพริกเผาวางข้างๆ จานไว้ ทั้งหมดนี้ใส่ในจานที่วางด้วยใบตองแลดูน่ากินมากขึ้น จะกินเล่นๆ ก็อร่อยหรือจะบีบมะราวและคลุกก็ได้รสชาติอีกแบบ เคี้ยวเพลินๆ ฟินมากกกกกกก

 
ลาบเต้าหู้ ราคา 150 บาทจานนี้เป็นลาบหมูรสปานกลาง วางตรงกลางบนเต้าหู้ไข่ที่ทอดให้ด้านนอกกรอบ และวางบนใบตองที่รองอยู่บนจานขาว และมีผักสดใส่ถ้วยเล็กๆ วางอยู่ข้างๆ เป็นเมนูที่เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเลยค่ะ อร่อยและชอบมากเลยค่ะ

จบเมนูที่ได้ฟรีค่ะ ส่วนที่ได้สั่งเดิ่มก็เป็นข้าวสวยและน้ำมะพร้าว

 
น้ำมะพร้าวอ่อนมาเป็นลูก แช่เย็นๆ มา เนื้ออ่อน หวานไม่มากและหอมมาก อร่อยมากๆ เลยค่ะ หากินมะพร้าวอร่อยๆ อย่างนี้ไม่ค่อยมี เลยปลื้มเป็นพิเศษค่ะ อิอิ

บอกเลยว่าร้านนี้อร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่สูงจนเกินไป มาลองกันได้เลยนะจ๊ะ

 

 
 
เมนูแนะนำ:  น้ำมะพร้าว, ลาบเต้าหู้, กุ้งต้นหอม, ปลาหมึกไข่ผัดซอสไข่เค็ม
 
Table Wait Time: 10 minute(s)


วันที่ไปกิน: Jun 13, 2016 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿400(มื้อเที่ยง)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0