Thai | English
A~w~A
ฉันชื่อA~w~A . ชอบไปลั้นลาที่ปทุมวัน, พัทยา. ชอบไปลั้นลาที่ อาหารทะเล, ซูชิ ซาซิมิ.
สมาชิก 48 รีวิวแรก
รีวิว82 รีวิว
編輯推介數目73 Editor's Choice
Recommended6 แนะนำ
ความนิยม13794 เข้าชม
Replies in Forum1 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ558 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews0 รีวิวแนะนำ
My Restaurant8 ร้านโปรด
Follow72 Following
粉絲823 Follower(s)
A~w~A  Level 3
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 6 ถึง 10 จาก 82 รีวิวใน ประเทศไทย
Magnum Cafe  ยิ้ม Apr 30, 2013   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ขนมหวาน ไอศครีม | ชิลล์เอาท์


เมื่อกล่าวถึง Magnum ไอศครีมจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างวอลล์
เราเชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนต้องคิดถึงไอศครีมระดับ Premium กันแน่นอน
รีวิวนี้เราจะพาเพื่อนๆไปสัมผัสความหรูหรากันที่ Magnum Café ค่ะ

ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า Magnum Café แห่งนี้เป็นสาขาที่ 5
และเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 170 ที่นั่ง
มาดูความหรูหรากันดีกว่าค่ะ ว่าจะเริ่ดขนาดไหน

การเดินทาง
วันนี้เราเลิกงานแล้วก้อนั่ง BTS มุ่งหน้าสู่สถานีสยามโล้ดค่า
Magnum Café ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้า Siam Center
ตรงประตูทางเชื่อมไป Siam หรือตรงที่เคยเป็น Baskin robbins มาก่อน

 
บรรยากาศร้าน
แน่นอนว่าระดัีบ Magnum ต้องหรูหราอยู่แล้ว
เมื่อย่างกรายเข้ามาภายในร้านจะรู้สึกถึงความหรูหรา สไตล์วินเทจ เก๋ๆ เริ่ดๆ
เมื่อก้าวขาเข้าไปแล้ว เสมือนเราเป็นคนพิเศษสำหรับร้านนี้ไปโดยทันที
ทางร้านจะแบ่งเป็น 2 โซน สำหรับนั่งทานไอศกรีม และอีกฝั่งหนึ่งสำหรับทานอาหาร
เปิดเพลงคลอเบาๆ ทำให้รู้สึกเสมือนนั่งอยู่ใจกลางเมืองผู้ดี

อย่างที่บอกเมนูที่นี่ก้อจะมีทั้งของคาว และของหวานค่ะ
วันนี้เราขอเลือกทานเป็นไอศครีมแล้วกันค่ะ
เราสั่งเป็น Magnum Choco Fondue ค่ะ
ฺBelgium chocolate fondue plain or with orange, cinnamon or coconut

 
ในจานนี้ก้อจะประกอบไปด้วยไอศครีม Magnum 2 แท่ง
และผลไม้อย่างองุ่น, แก้วมังกร, แอ๊ปเปิ้ล, แคนตาลูป, แตงโม
นอกจากนั้นยังมีบราวนี่ Brownie และมาร์ชเมลโล่ Marshmallows

 
และเพิ่มความชุ่มฉ่ำด้วย Strawberry Sauce รสเปรี้ยวอมหวาน

 
นอกจากนั้นทาง Magnum Café ยังเพิ่มความสนุกให้กับไอศครีมอีกด้วย
เพราะมี topping แสนเก๋อย่างอัลมอนด์ และเกร็ดน้ำตาลสีสวยมาให้ค่ะ

 
ออกมาจะหน้าตาเก๋ๆแบบนี้ค่ะ

 
เนื้อไอศครีมหวาน นุ่มแสนอร่อย เมื่อทานกับช็อกโกแล็ตอุ่นๆ
และเพิ่มความชุ่มฉ่ำด้วยผลไม้ตามฤดูกาลหลากหลายชนิด
เีราเชื่อว่าเมนูนี้คงถูกใจเพื่อนๆหลายคนแน่นอนค่ะ

 
ใกล้จะหมดละ ทั้งจุ่ม ทั้งโรยกันสุดฤทธิ์เลยค่ะ
ขอบอกว่า Chocolate Fondue ที่นี่เค้าเข้มข้นมากๆเลย
รับรองมาแล้วไม่ผิดหวังค่ะ

การบริการ
ร้านไอศครีมระดับนี้ แน่นอนก้อต้องดูแลลูกค้ากันอย่างดีเยี่ยมค่ะ

ค่าเสียหาย
สำหรับเมนู Magnum Choco Fondue จานนี้ราคา 360 บาทค่ะ
น้ำเปล่า 1 ขวด 20 บาท
Service Charge 10% สิริรวมแล้ว 418 บาทค่ะ

 
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่ได้มาลอง อยากแนะนำให้มากันค่ะ
ถือว่าเป็นครั้งหนึ่ง ที่เราจะมีโอกาสสัมผัสความหรูหราของ Magnum Café
เพราะเค้าจะเปิดให้บริการถึงแค่วันที่ 31 พฤษภาคมเท่านั้นค่ะ
รีบมากันนะจ๊ะ ขอบอกว่าเริ่ดจิง อารัยจิ๊งงง
 
เมนูแนะนำ:  Magnum Choco Fondue
 
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿210(อาหารว่าง)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Fuji Japanese Restaurant ยิ้ม Apr 29, 2013   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | อุด้ง ราเมน | ซูชิ ซาซิมิ | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง


วันนี้จะพาเพื่อนๆ Openrice ไปทานอาหารญี่ปุ่นกันค่ะ
เราจะพาไปร้าน Fuji Japanese Restaurant จ้า
จะว่าเป็นสาขาใหม่ก้อไม่ใช่ จะว่าเก่าก้อไม่เชิง เอ๊ะยังไง!!?

อย่างที่เพื่อนๆทราบกันว่า Siam Center มีการ Renovate ใหม่
รู้สึกว่าร้าน Fuji ของเดิมเนี่ย จะอยู่ที่ชั้น 2 นะคะ
แต่พอ Renovate เรียบร้อย ก้อย้ายขึ้นมาอยู่ชั้น 4 ด้านบนค่ะ
รู้สึกเปิดใหม่ก้อมีร้านอาหารเก๋ๆเพิ่มมาอีกหลายร้านเชียว

การเดินทาง
วันนี้เรานั่ง BTS ไปลงที่สยามค่ะ รู้ว่าวันหยุด รถติดชัวร์
ไม่ไหวจะฝ่าฟันกับการจราจรในเมือง
ลง BTS มาก้อจะมีทางเดินเชื่อมเข้า Siam Center สะดวกสบายสุดๆค่า

บรรยากาศร้าน
ร้านใหม่ แน่นอนว่าต้องเริ่ดกว่าเดิมค่ะ ทั้งการตกแต่งหน้าร้าน
ทั้งบรรยากาศภายในร้าน สว่าง สบายตามากค่ะ
ตอนแรกคิดว่าต้องรอคิวนานซะแล้ว แต่ก้อผิดคาดค่ะ ไปถึงก้อได้โต๊ะเลย

ขอเริ่มจากเครื่องดื่มก่อนแล้วกัน แก้วแรก "น้ำส้ม" ค่ะ
หวาน เย็น ชื่นใจ มีส้มประดับเก๋ๆอยู่ตรงขอบแก้วด้วย ^^

 
ส่วนแก้วนี้ของเราเอง "ชาเขียวสูตรหวาน"
ชอบตรงที่หวานแบบธรรมชาติ ไม่หวานมากแบบชาเขียวทั่วไปค่ะ

 
ขอเริ่มเมนูด้วยเรือลำนี้แล้วกัน "ปลาดิบรวม" ประกอบไปด้วย
ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาบะดอง ปลาหมึกยักษ์ และปูอัด

 
ไม่ต้องพูดถึงความสดกันมากมาย
เพราะชื่อร้านก้อสามารถการันตีได้ถึงความสด และคุณภาพของอาหารได้ดี
ยิ่งได้ทานกับวาซาบิซักหน่อยล่ะก้อ รับร้องว่าได้น้ำตาไหลซิกๆแน่ค่ะ
ให้ดูลายแซลมอนกันแบบชัดๆอีกที

 
ทานปลาดิบมาก้อบ่อยแล้ว วันนี้จะมาแชร์วิธีการทานปลาดิบที่ถูกต้องค่ะ
เค้าบอกว่าอย่าละลายวาซาบิในโชยุ เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของวาซาบิเสียไป
มี 2 วิธี คือ
1. ใช้วาซาบิแตะปลาดิบ แล้วค่อยแตะโชยุทีหลัง
2. หรือวางก้อนวาซาบิในถ้วยโชยุ ตรงบริเวณขอบๆถ้วย
แล้วให้นำปลาดิบแตะวาซาบิ โดยไล่จากบนลงล่างเพื่อแตะโชยุทีหลัง

แล้วแต่ถนัดค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเราจะใช้วิธีแรกมากกว่า

เมนูต่อมาเป็น "ชุดข้าวปั้นรวม" ประกอบไปด้วยซูชิทั้งหมด 12 คำ
อาทิ แซลมอน หมึกยักษ์ ไข่หวาน กุ้ง ปูอัด ยำสาหร่าย ไข่กุ้ง เป็นต้น

 
ข้าวปั้นคำโต เนื้อปลาก้อสด ชื้นใหญ่ไม่ผิดหวังเลยค่ะ
ในชุดก้อจะมีซุปมิโซะ กิมจิ และเต้าหู้ทรงเครื่องมาให้ค่ะ

 
มะกี้แนะนำวิธีทานปลาดิบไปแล้ว มาดูวิธีทานซูชิที่ถูกต้องกันบ้างค่ะ
การกินซูชิสามารถใช้มือในการรับประทานได้จ้า ไม่จำเป็นต้องตะเกียบเสมอไป
เวลาจิ้มซูชิลงไปในโชยุ ให้หงายส่วนที่เป็นข้าวขึ้น และใช้ส่วนที่เป็นปลาจิ้ม
เพื่อไม่ให้ข้าวโดนซอส จะทำให้ข้าวเละ และซูชิเสียรูป
และที่สำคัญเลย คือ ควรกินภายในคำเดียว ไม่ควรกัดครึ่งนะคะ

ต่อมาเป็น "ชุดปลาซาบะ+แซลมอนย่าง"
สามารถเลือกได้นะคะ ว่าต้องการย่างซีอิ๊ว หรือย่างเกลือ
วันนี้เราสั่งเป็นย่างเกลือมา
เซทนี้มี ข้าว ซุปมิโซะ กิมจิ และเต้าหู้ทรงเครื่องค่ะ

 
หมดแล้วค่าสำหรับเมนู Fuji ที่เราไปโซ้ยมา

การบริการ
ดีเยี่ยมค่า ยิ้มแย้ม แจ่มใส ดูแลเอาใจใส่ดีเชียว อาหารรอไม่นานมากค่ะ

ค่าเสียหาย
มื้อนี้เบ็ดเสร็จแล้ว 926 บาทค้ะ คนละประมาณ 500 บาท
อาหารคุณภาพดี อิ่ม อร่อย ไม่ผิดหวังเลยค่ะ

 
ขอปิดท้ายด้วยภาพนี้แล้วกัน สีสันสดใสเชียว
 
เมนูแนะนำ:  ปลาดิบรวม,ข้าวปั้นรวม
 
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿500(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Esca Bistro  ยิ้ม Apr 11, 2013   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารอิตาเลียน | ร้านอาหารฝรั่ง | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง


ใกล้วันหยุดยาวแล้ว เพื่อนๆคนไหนที่ไม่มีแพลนไปต่างจังหวัด
นอนเล่นอยู่บ้านแบบดิช้านแล้วล่ะก้อ คงจะหาของกินยากซักหน่อยล่ะ
ร้านแถวบ้านก้อปิดกลับตจว.กันหมด ออกไปก้อกลัวจะเปียก
รีวิวนี้เราเลยพาเพื่อนๆไปหาอะไรอร่อยๆทานในห้างกัน รับรองว่าไม่เปียกค่ะ
มื้อนี้พาไปห้างใกล้บ้านเราละกัน Paradise Park

การเดินทาง
Paradise Park ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ค่ะ
เราวิ่งถนนสุขุมวิท แล้วเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 103 ตรงมาจนเจอสี่แยกศรีอุดม
แล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ ขับตรงไปเรื่อยๆ แล้วให้เลี้ยวขวาตรงไฟแดงแรก
ห้างจะอยู่บนหัวมุมแยกเลย หาไม่ยากชัวร์ค่า เฟิร์ม!

จุดมุ่งหมายอยู่ที่ชั้น 3 เลยค่ะ ร้านอาหารเพียบ! เลือกกันไม่ถูกเลย
เราไปสะดุดกับบรรยากาศ และการตกแต่งร้านของที่นี่ เลยเข้าไปแบบไม่ลังเล
ร้านนี้ชื่อว่า "Esca Bistro" เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนนะคะ

บรรยากาศร้าน
การตกแต่งภายในเน้นโทนสีดำเป็นหลัก มีสีขาวและแดงนิดๆค่ะ
ในร้านจะตกแต่งสไตล์วินเทจ ร้านดูโปร่งสบาย น่านั่งชิวจิบชามากกว่านะ 555

 
ขอเริ่มจากเมนูเครื่องดื่มก่อนละกันค่ะ "สตรอเบอร์รี่ปั่น" สดชื่น
รสชาดเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วเติมความสดชื่นได้ดีทีเดียวค่า

 
เมนูแรกของเรา "Pizza Parma Ham"
รับรองว่าพิซซ่า พาร์มาร์แฮมถาดนี้ แป้งเค้าบางกรอบจิงๆค่ะ
มี Parma Ham คุณภาพดี ชิ้นโตเต็มคำวางอยู่ด้านบน
และเพิ่มความหอม และสีสันด้วยผัก Rocket รับรองอร่อยเด็ด!

 
จานต่อมาของคุณเพื่อนอีกคนเป็น "Pasta Pomodoro Seafood"
Pomodoro เป็นภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า มะเขือเทศค่ะ
จานนี้จึงมีสีสันที่โดดเด่น และความหอมของกลิ่นมะเขือเทศ
เสิร์ฟมาพร้อมปลาหมึก กุ้ง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ชิ้นอวบอ้วน

ที่ร้าน Esca Bistro แห่งนี้เค้ามีเส้นนานาชนิดไว้ให้เลือกด้วยจ้า
มีทั้ง สปาเก็ตตี้ ลิงกวินนี่ เพนเน่ และเฟตตูชินี่
วันนี้คุณเพื่อนสั่งเส้น Fettuccine ค่า นุ่มเหนียวสะใจนางเลยแหล่ะ

 
จานต่อมาพระเอกของเราเอง "Roasted Lamb Rack with Gravy Sauce"
สเต็กซี่โครงแกะย่างจานโปรด ราด Gravy Sauce กลิ่นหอมยั่วยวน ราชาดเข้มข้น
เสิร์ฟพร้อมพริกหวาน และแครอทผัดซอสมะเขือเทศ
และที่สำคัญมันบดละมุนลิ้น ของโปรดเราเลย >///<

 
ขอบอกว่าเมนูนี้โดนใจเราที่ซู๊ดค่าให้ร้อยเต็มสิบเลยเอ้า!!!
ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบ เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว เลาะออกง่ายด้วยค่ะ

 
แค่ของคาวก้อเต็มท้องแล้วค่ะ อิ่ม อร่อย ฟินสวดยวดส์
แต่ทางร้านมีเมนูของหวาน Recommend เค้าอย่ากให้พวกเราได้โดนจริงๆ
ด้วยความที่ขัดใจใครไม่เป็น อ้ะจัดมาเลยน้อง!!!
ไม่อร่อยไม่จ่ายนะน้อง พี่บอกไว้ก่อน 55555

เสิร์ฟมาหน้าตาอลังการมาก ถึงกับอึ้งว่ามันคืออะไร
หน้าตาประหลาด แต่สีสวย น่ารัก จานนี้เรียกว่า "Crème Brule"
ปกติเราเห็นแต่ถ้วยเล็กๆ จิ๋วๆ มีน้ำตาลไหม้ๆบนหน้า
แต่วันนี้มาแบบไซส์บิ๊กเบิ้่มเลยค่ะ แถมด้านบนยังมีสายไหมกรอบๆ สีสวยอีกด้วย

 
เนื้อครีมบรูเล่เนียนมากค่ะ รสชาดเข้มข้น หอม หวานมากๆ
เราทานกะสายไหมที่กรอบๆ เก๋ดีอ้ะ มีลูกเล่นน่ารักแบบนี้รักเลยค่า
ปล่อยไว้แปปเดียว เจ้าสายไหมก้อค่อยๆละลายละค่า
แต่เราไม่ปล่อยให้ละลายหรอก เสียดายของ เพราะเขมือบแปปเดียวเกลี้ยงเลยค่า

 
การบริการ
พนักงานที่นี่บริการเป็นกันเองสุดๆค่ะ คอยแนะนำตล๊อด
จานไหน Recommend ก้อ Proud to Present กันแบบไม่อั้นเลยจ้า
ไอ่เราก้อคล้อยตาม แต่ขอบอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ

ค่าเสียหาย
มื้อนี้เราไปกัน 3 คนค่ะ เบ็ดเสร็จรวมทุกอย่างแล้วตกคนละประมาณ 500 บาท
ถือว่าโอเคอยู่นะคะ คุณภาพ การบริการ บรรยากาศชนะเลิศ

หากใครแวะเวียนมาแถวนี้ลองมาอุดหนุนร้าน Esca Bistro กันได้ค่า
ร้านอยู่ชั้น 3 โซนตรงกลาง ติดทางเดินเลยจ้า
 
เมนูแนะนำ:  Roasted Lamb Rack with Gravy Sauce,Pasta Pomodoro Seafood,Pizza Parma Ham
 
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿500(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม

รีวิวนี้จะพาเพื่อนๆไปทานอาหารเหนือกันเจ้า แต่ไม่ต้องบินไปไกลถึงเชียงใหม่
ร้านนี้เป็นร้านอาหารเหนือแต้ๆ อยู่ในเมืองกรุงค่ะ
มีชื่อว่า "รสมือแม่" เป็นร้านอาหารเหนือ รสชาดต้นตำรับของแท้แน่นอน

การเดินทาง
ร้านจะอยู่ตรงหลักสี่ค่ะ
ถ้ามาจากเส้นวิภาวดีรังสิต ผ่านช่วงม.เกษตรให้ชิดซ้ายลอดอุโมงค์
วิ่งเข้าไปทาง North Park หากถึงวงเวียนให้เลี้ยวซ้าย
สังเกตทางขวามือจะเห็นร้านรสมือแม่ ป้ายสีแดงชัดเจนด้านหน้าร้านจ้า
ภายในร้านจะมีที่จอดรถไว้คอยบริการอยู่ แต่ไม่มากเท่าไหร่ค่ะ
หรือสามารถจอดริมถนน หน้าร้านก้อได้จ้า

บรรยากาศร้าน
ตกแต่งแบบเรียบง่าย ที่นั่งมีทั้งแบบ indoor และ outdoor ไว้บริการ
โต๊ะและเก้าอี้เป็นไม้ มีตุ๊กตาเซรามิคน่ารักๆด้วยค่ะ
วันนั้นเราไปก้อบ่ายแก่ๆ ใกล้เย็นแล้วล่ะ เลยนั่งด้านนอก รับลมเย็นซักหน่อย
บนโต๊ะก้อจะมีบรรดาโหลเครื่องปรุงไว้ให้ค่ะ

 
ขอเริ่มรีวิวจากเมนูโปรดก่อนแล้วกัน "ข้าวซอยเนื้อ"
แค่จานแรกก้อพริ้มละค่ะ เนื้องี้นุ่มแทบละลายในปากเลยทีเดียว
ไม่ได้เว่อนะ!!! แต่มันเริ่ดจิงนะเออ รสชาดก้อกลมกล่อมค่ะ
เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงอย่างผักกาดดอง หอมแดง มะนาว และพริกเผา

ต่อมาเป็น "ลาบคั่วหมู" รสชาดเข้มข้น ถึงเครื่องสมุนไพรเลยค่ะ
ไม่มันมากด้วย และเผ็ดกำลังดีค่ะ ทานคู่กับผักสด แปปเดียวเกลี้ยง!!!

 
มาต่อที่ "ขนมจีนน้ำเงี้ยว" ที่ไม่มีดอกงิ้ว!!? งงล่ะสิ
ตอนแรกก้อแอบสงสัย เลยแอบถามเจ้าของร้านมา ก้อถึงบางอ้อค่ะ
พี่เค้าบอกว่าที่นี่ใส่เห็ดหอมแทนดอกงิ้วนั่นเอง (เห็ดหอมจะให้รสแทนผงชูรส)
ใส่กระดูกหมูอ่อน เลือดหมู จะออกรสเปรี้ยวนิดๆที่มาจากมะเขือเทศจ้า
โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว หอมซอย และพริกแห้ง สีสันสวยงาม
จานนี้ทานคู่กับผักกาดดอง และกะหล่ำปลีซอย แต่ไหงไม่มีถั่วงอกหว่า
จานนี้แอบเสียใจที่ไม่มีดอกงิ้วให้เรา

 
เมนูต่อมา "แกงฮังเลหมู" คุณพ่อเราชอบมากเลยค่ะเมนูนี้
ทานกับข้าวสวยร้อนๆนะ เข้ากันที่สุด!!!
และขอบอกก่อนว่าเจ้าเมนูแกงฮังเลนี้ ไม่ได้มีขายทุกวันนะจ๊ะ
จะมีเฉพาะบางวันเท่านั้น (เมนูวัดดวง 555+)
เพราะทางร้านต้องใช้เวลาข้ามวัน ในการหมักเนื้อหมู เคี่ยวส่วนผสมต่างๆ
วันนี้ได้กิน ถือว่าเป็นบุญลิ้นมาก เพราะเมนูนี้อร่อยสุดๆ
สมแล้วที่หมัก และเคี่ยวกันข้ามวัน รสชาดเข้มข้น ถึงเครื่องแกงสุดๆค่ะ

 
ขอนำเสนอ "ออร์เดิร์ฟล้านนา" จัดหนักมาก้อเยอะ ขอเบาๆบ้างแล้วกัน
จานนี้คล้ายๆเมนูทานเล่น แต่ก้อมาเยอะไม่ใช่เล่นค่ะ ประกอบไปด้วย
ไส้อั่ว หมูยอ และแหนมหม้อ เสิร์ฟพร้อมน้ำพริกหนุ่ม และผัดสด อาทิ
ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แตงกวา พริก กระเทียม และขิง

 
และจานนี้ Proud to Present เลยค่ะ "เนื้อเซอร์ลอยน์ย่างจิ้มแจ่ว"
Sirloin หรือ เนื้อสันนอก เป็นเนื้อส่วนที่นุ่มที่สุดค่ะ
ทางร้านจะนำมาย่างแบบสุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้าน
หรือหากใครชอบระดับความสุกแบบไหนก้อบอกได้ค่ะ
ขอบอกว่าจานนี้เนื้อฉ่ำมาก มีความ Juicy ในเนื้อมากพอสมควรเลยค่ะ

 
หรือหากใครที่ไม่ทานเนื้อ เราก้อมีอีกตัวเลือกมาให้เพื่อนๆค่ะ
กับเมนูนี้ "หมูคุโรบุตะย่างจิ้มแจ่ว" หรือที่เพื่อนๆเรียกว่าหมูดำจ้า
ในเนื้อของเจ้าหมูดำจะมีไขมันแทรกอยู่ คล้ายกับลายหินอ่อนที่พบในเนื้อวัวเลย
ทำให้มีความนุ่มกว่าหมูธรรมดา เมื่อนำมาย่างไขมันที่แทรกอยู่จะมีกลิ่นหอมมาก
แต่โดยส่วนตัว ก้อยังรักเนื้อเซอร์ลอยน์ย่างจิ้มแจ่วมากกว่าอยู่ดี >,<

 
ขอปิดฉากด้วยเมนูของหวานอย่าง "ลูกตาลลอยแก้ว"
ลูกตาลร้านนี้อ่อนทุกชิ้นค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอแข็งบ้าง อ่อนบ้างเหมือนบางร้าน
รสชาดหวานเย็นชื่นใจ

 
การบริการ
เห็นร้านธรรมดาแบบนี้ แต่การบริการก้อเป็นเลิศไม่แพ้ร้านหรูนะจ๊ะ
คอยดูแล แนะนำ เอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดีค่ะ

ค่าเสียหาย
มื้อนี้รวมแล้ว 600 กว่าบาทเท่านั้นค่ะ ไม่แพงเลยยยยย
เราไปกันท้งหมด 5 คน ตกคนละร้อยกว่าบาทเอง
ถูก อร่อย คุณภาพดีสุดๆ รับรองว่ากลับมาโดนอีกแน่นอน
สำหรับมื้อนี้ "ลำแต๊ลำว่า ลำขนาดเจ้า"
 
เมนูแนะนำ:  ข้าวซอยเนื้อ,ขนมจีนน้ำเงี้ยว,แกงฮังเลหมู,เนื้อเซอร์ลอยน์ย่างจิ้มแจ่ว
 
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿150(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Taichi Yakiniku ยิ้ม Mar 28, 2013   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | ปิ้งย่าง บาร์บีคิว | บุฟเฟ่ต์ | บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง | บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น | ปิ้งย่าง ญี่ปุ่น | ลำลอง | จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม


ห่างหายจาก Buffet ไปนาน รีวิวนี้จะพาเพื่อนๆ Openrice ไปหม่ำบุฟเฟ่ต์กันค่ะ
เราจะพาเพื่อนๆไปนั่งหน้าเตากัน แน่นอนว่าต้องเป็นปิ้ง ย่าง ^^
ร้านที่เราจะพาไปวันนี้มีชื่อว่า Taichi Yakiniku เคิ้ฟฟฟ
ตั้งอยู่ภายในโครงการ Bangkok Square หรือจตุจักรพระราม 3 นั่นเอง

การเดินทาง
ตอนแรกว่าจะไปแท๊กซี่กัน แต่แน่นอนว่า...ละแวกนี้รถติดสุดๆ 3 ทุ่มจะถึงร้านรึเปล่า
แต่ด้วยความโชคดีที่หน้าออฟฟิศเป็นสถานี BRT พอดีค่ะ
พวกเรา 11 ชีวิตเลยตกลงกันว่าจะนั่ง BRT ไปดีกว่า สะดวกรวดเร็ว ถูกด้วย 10 บาทเอง
นั่งไปลงที่สถานีวัดปริวาสค่ะ ประมาณ 10-15 นาทีเอง

จากนั้นก้อข้ามสะพานลอยไปด้านซ้ายของ BRT เดินย้อนกลับไปนิ๊ดเดียว
ก้อจะถึงโครงการ Bangkok Square แล้วค่ะ
เดินเข้ามาในโครงการ ร้านจะอยู่ในซอยฝั่งซ้ายของโครงการค่ะ
หรือใครสะดวกขับรถมา ที่นี่ก้อมีที่จอดรถไว้บริการอีกเพียบจ้า

บรรยากาศร้าน
ตกแต่งด้วยเก้าอี้ไม้ จัดแบบเรียบๆ โต๊ะไม่แน่นเกินไป ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ
ตอนแรกมองไปเอ๊ะ ทำไมไม่มีที่ดูดควันเนี่ย กินเสดหัวช้านต้องเหม็นแน่ๆเลย >,<
แต่สืบทราบมาว่า เตาของร้านนี้สั่งทำพิเศษ ดูดควันและกลิ่นได้ดี
เวลาเราสะบัดเนื้อลงไปควันจะน้อยค่า

บนโต๊ะจะมีน้ำจิ้ม พริก กระเทียม โคชูจัง (น้ำพริกเกาหลี) ไว้ให้ค่ะ
น้ำจิ้มจะมี 2 แบบ คือแบบหวาน (มีงา) และแบบเค็ม เลือกใส่ตามใจชอบเลย

อย่างที่บอกไปว่าร้านนี้จะเป็น Buffet นะึคะ อาหารสั่งได้ทุกรายการที่มีในเมนูเลย
แต่ใครที่เห็นราคาแต่ละจานแปะไว้ในเมนูด้วยก้ออย่าไปงงล่ะ
เพราะที่นี่เค้าก้อมีแบบ À La Carte สำหรับคนกระเพาะเล็กด้วยค่า
ซึ่งมันคงจะไม่เหมาะกับพวกเราอย่างแรง!!! 55555

ส่วนเครื่องดื่มจะเป็น Refill ราคารวมกับ Buffet แล้วค่ะ มีทั้ง
น้ำแดง, น้ำส้ม, น้ำเขียว, เป๊ปซี่, เซเว่นอัพ และชาข้าวบาเล่ย์

ขอเริ่มจากผักก่อน พอเราสั่งเสร็จ เค้าจะเอาพวก "กิมจิ" และ "ผักกาดหอม" มาให้ค่ะ
ผักกาดหอมใส่มาเหมือนอยู่ในกระถางเลย น่ารักเชียว ผัดสดมากๆค่ะ
เอาไว้ห่อเนื้อ ทานกับน้ำจิ้ม วู้ยยย อร่อยลื๊ม!

 
ต่อมาผักสุดโปรดของเราเลย "เห็ดออรินจิ" และ "กระเจี๊ยบ"
เอาไปย่างให้พอสุก ทานกับเนื้อ แจ่มไปเลยค่า
เนื้อกระเจี๊ยบหวาน และนิ่มมาก >///< ถูกใจวัยรุ่น

 
ขอ warm up ด้วยเมนูเบาๆอย่าง "เบคอน" และ "แซลมอน" ก่อนละกันค่ะ
เราชอบปิ้งเบคอนแบบสุกๆ ปิ้งจนกรอบ ใกล้เกรียมเลยแหล่ะค่ะ แล้วมันจะหอม อร่อย
รู้นะว่ากินแบบนี้มันไม่ดี เสี่ยงต่อโรคอ้วน มะเร็ง แต่ก้อยังจะกิน
ทุกวันนี้ก้อยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมของอร่อยมักอันตราย 55555

ส่วนแซลมอนให้มาทั้งส่วนเนื้อ และส่วนท้องเลย
ต้องย่างที่ไฟอ่อนๆ ด้านข้างตะแกรงเลยค่ะ ไม่งั้นถ้าย่างไฟแรงเนื้อจะยุ่ยเละ ไม่เป็นชิ้น
ต้องคอยกลับด้านนะ ย่างๆดีๆรับรองอร่อย เพราะส่วนหนังแซลมอนจะกรอบ
และส่วนเนื้อด้านในจะสุกแบบพอดี ไม่แข็งกระด้างจ้า

 
ต่อมาจะเป็นเมนูเนื้อค่ะ ทั้ง "เนื้อวัว" และ "เนื้อหมู" เข้าคิวกันมาเลย

ภาพบนจะเป็นบรรดาเนื้อวัวค่ะ
ด้านซ้ายมือสุดจะเป็น "เนื้อลาย" จะออกหนึบๆนิดนึงค่ะ
แนะนำว่าย่างพอสะดุ้งไฟนะคะ จะได้ไม่เหนียวมาก
แถวถัดมาจะเป็น "เนื้อสันคัดพิเศษ"
เป็นเนื้อที่มีมันน้อยมากแทรกอยู่ กฏเดียวกันกับเนื้อลายค่ะ อย่าย่างนาน เดี๋ยวเหนียว
และด้านขวาสุด "เนื้อริบอาย" เราชอบสุดเลยอันนี้
ย่างพอสุก กลิ่นจะหอมๆ และความเหนียวจะน้อยที่สุดในบรรดาเนื้อ 3 แบบ
เอาไปผักกาดหอมมาห่อ และใส่น้ำจิ้มโคชูจัง อร๊ายฟิน!!!

 
ส่วนภาพล่างจะเป็นบรรดาเนื้อหมูค่า จัดเต็มมาไม่แพ้กันเลย
ด้านขวาสุดจะเป็น "ตับหมู" เมนูนี้เราเฉยๆ แบบว่าไม่ชอบกินตับ!!! 55555
ตรงกลางจะเป็น "สันคอหมู" รสชาดละมุนลิ้นเชียว
ด้านขวาสุดท้าย "สันในหมู" ไม่มีมันแทรกเลยจ้า
เราเป็นพวกชอบเนื้อ หมูเลยเฉยๆค่ะ ไม่ค่อยกรี๊ดมาก

เนื้อแบบนี้ไง เจอแบบนี้เข้าไปกรี๊ดเลย!!!
ฝั่งซ้ายมุมน้ำเงินเป็น "เนื้อสันคัดพิเศษ" ชกกับ ฝั่งขวาขวามุมแดงเป็น "เนื้อลาย"
สูสีกันมาก จนกรรมการจอมตะกละอย่างอิชั้นเลือกไม่ถูกเลยค่ะ >///<

ย่างแค่พอสะดุ้งไฟ กลิ่นหอมๆของเนื้อจะออกมา
เวลาย่างไขมันจะค่อยๆละลายออกมา ผสมกับเนื้อ ทำให้เนื้อมีความ Juicy
เขียนไปน้ำตายสอไปนะเนี่ย ฮึ่ย!

 
ทีนี้มา ZOOM เนื้อหมูกันบ้างดีกว่า จำใจกินนะเนี่ย จะได้รู้รสชาดทุกอย่าง (หรอออ!!?)
ขอซูมซูม "สันคอหมู" และ "สันในหมู" กันค่ะ

สันคอหมู จะมีมันแทรกอยู่ในเนื้อมาก เหมาะสำหรับย่างค่ะ
เมื่อโดนความร้อนแล้ว ไขมันจะละลาย เนื้อจะมีช่องว่างและไม่แน่นเกินไปค่ะ
ส่วนสันในหมูนั้น จะไม่มีมันแทรกเลย เป็นส่วนที่เนื้อจะนุ่มที่สุดจ้า

 
รีวิวเนื้อไปก้อเยอะละ ขอทะเลบ้าง เดี๋ยวจะน้อยใจ
อาหารทะเลที่นี้เค้าก้อเกรดดีไม่แพ้บรรดาเนื้อนะจ๊ะ
มีทั้ง กุ้งแม่น้ำ, กุ้งขาว, แซลมอน, ปลาหมึก หอยเชลล์ และกั้งกระดาน
O_o!!! เพิ่งเคยเห็นบุฟเฟ่ต์แบบมีกั้งกระดาน ไซส์บิ๊กเบิ้ม!!!
แต่ต้องขออภัย เพราะถ่ายรูปกั้งมาไม่ทันจิงๆ TT_TT
มาถึงก้อโดนโยนลงไปในเตาย่างซะละ 555+

ตอนแรกแอบบ่นกันค่ะว่าเจ้ากั้งเนี่ย มันกินพื้นที่เตาซะจิงๆเล้ย เกะกะ
คุณเจ๊ของเราก้อทำการเลาะเปลือกออก เอาแต่ส่วนเนื้อมาลงเตา
ว้าว!!! สุดยอดจิงๆเลย 555+
แกะง่ายมาก กลายเป็นกั้งโป๊ ถอดมาเนื้อเป็นชิ้นๆเลยค่ะ

แต่โดยส่วนตัวแล้วหัวกุ้งที่นี่ยังไม่ค่อยฟินเท่าที่ควร
เพราะไม่ค่อยมีมันกุ้งเลยค่ะ (มันอร่อยก้อตรงนี้แหล่ะ) แต่ก้อถือว่าสดค่ะ

 
สั่งแบบน่ากลัวมาก ทุกอย่าง อย่างละ 2 ที่ สั่งแบบนี้ประมาณ 2-3 รอบ >,<
ก้อบอกแล้ว ว่าเป็นสายแข็ง 555+

มาปิดมื้อนี้ด้วยไอศครีมกันดีกว่า มีให้เลือกหลายรสชาดค่ะ อาทิ
ชาเขียว, สตรอเบอร์รี่, ยาคูลท์, กาแฟ และช็อคโกแลต
เค้ามีสั่งกลับบ้านด้วยนะคะ ขายเป็นกิโลเลยก้อมี อร่อยจิงค่ะ

ของเราสั่งเป็นไอศครีมสตรอเบอร์รี่+ยาคูลท์ (สั่งได้คนละ 2 ลูกเท่านั้นนะคะ)
เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดสะใจเลยทีเดียว >///<
แอบชิมรสชาเขียวของคุนเพื่อนค่ะ อร่อยเข้มข้นดีเหมือนกันแฮะ

 
การบริการ
เราไปเย็นวันอังคาร ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ค่ะ
ตอนแรกมีโต๊ะเรา กะอีกโต๊ะนึง แต่พอซักพักก้อเหลือแค่พวกเรา
รู้สึกเหมือนมาเหมาร้านกินกันเลย 555

ดังนั้นพนักงานทุกคนก้อจะมารุมล้อมคอยเติมโน่น หยิบนี่ให้ตลอดเลย
สั่งอะไรไม่ถึง 1 นาทีก้อได้ของแล้วค่ะ น้ำท่าไม่เคยขาด

ค่าเสียหาย
โดยรวมแล้วเราว่าร้านนี้ถือว่าคุ้มที่สุดในสามโลกเลยอ้ะ
ค่าเสียหายทั้งหมดสำหรับ 11 กระเพาะ 4,939 บาท
คนละ 449 บาทเท่านั้น ย้ำว่าเท่านั้น!!! ไม่มีบวกอะไรเพิ่มแล้วค่ะ
ราคานี้รวมเครื่องดื่มแบบ Refill แ้ล้ว ของหวานแล้ว
และกั้งกระดานแล้ว มีที่ไหน 449 รวมกั้งตัวเบ้งเนี่ย หอยเชลล์ก้อสดเด้งมาเลย

ถ้ามีโอกาสรับรองว่าจะมาถล่มอีกแน่นอนค่ะ มันเริ่ดจิง!!!
 
เมนูแนะนำ:  เบคอน,แซลมอน,เนื้อลาย,เนื้อริบอาย,เนื้อสันคัดพิเศษ,สันคอหมู,กุ้งแม่น้ำ,กั้งกระดาน,หอยเชลล์
 
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿449(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
   2 Vote(s)   View Results
แนะนำ
0