Thai | English
Achaya
ฉันชื่อAchaya .
สมาชิก 89 รีวิวแรก
รีวิว230 รีวิว
編輯推介數目92 Editor's Choice
Recommended68 แนะนำ
ความนิยม2048 เข้าชม
Replies in Forum0 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ2446 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews82 รีวิวแนะนำ
My Restaurant224 ร้านโปรด
Follow9 Following
粉絲71 Follower(s)
Achaya  Level 4
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 1 ถึง 1 จาก 1 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | อาหารฟิวชั่น | ร้านผับแอนด์เรสเทอรองต์ | ลำลอง | จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม | โอกาสพิเศษ

Long Table – ร้านอาหารที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้วภายใต้การบริหารของทีมงานเดิมจาก Bed Supperclub นี้มีจุดเด่นที่โต๊ะยาวขนาด 25 เมตรที่ตั้งอยู่กลางร้านซึ่งได้ชื่อว่าเป็น The longest existing restaurant dining table ตัวแรกของโลก นำมาซึ่งแนวคิดการสรรค์สร้างประสบการณ์ร่วมรับประทานอาหารกับคนหมู่มาก  แถมยังเพิ่มความเก๋ด้วยชื่อร้านที่ยาวที่สุดในโลกซะอีก คือ “โต๊ะยาวแห่งกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์.....(ร้องเป็นเพลงของอัสนี-วสันต์ต่อไปจนจบได้เลย)”  ...แต่นอกจากกิมมิคสุดคูลเหล่านี้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทางร้านโดดเด่นขึ้นมาก็คือวิวงามๆของกรุงเทพฯยามราตรี เครื่องดื่มหลากหลายจากบาร์ขนาดใหญ่ของร้าน รวมไปถึงอาหารที่แม้จะเน้นรสชาติอ่อนๆกลมกล่อมเพื่อเอาใจลูกค้าต่างชาติบ้าง แต่ก็ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี และใส่ความพิถีพิถันละเมียดละไมลงไปในแต่ละจาน ทำให้ได้รับรางวัล Thailand Tatler Best Restaurants ติดต่อกันมาหลายปีจนถึงปัจจุบัน  ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้รับเชิญจากทางร้าน ร่วมกับบริษัท Jagota  เราจึงตกลงอย่างไม่รีรอค่ะ ต้องขอขอบคุณคุณยุ้ง PR Manager ของทางร้าน และคุณสินีรัตน์เจ้าหน้าที่จากทาง Jagota ที่ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีนะคะ

 
****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-****

ร้านตั้งอยู่บนชั้นที่ 25 ของตึก Column Tower  ถ้ามาจากทางรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก หรือ MRT สถานีสุขุมวิทให้เดินมาทางฝั่งตึก Exchange Tower เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 16 มาประมาณ 200 เมตรก็จะเจอทางเข้าทางขวามือค่ะ

สำหรับบรรยากาศนั้น  บริเวณร้านจัดว่ากว้างใหญ่ไพศาล มีให้เลือกหลายโซนค่ะ ทั้งที่นั่งแบบเบาะนุ่มๆมีหมอนวางเรียงรายที่ต้องปีนเข้าไปนั่ง (เหมาะกับคนชอบนั่งกินนอนกิน) ที่นั่งบนโต๊ะยาวที่เป็นจุดเด่นของร้าน และที่นั่งด้านนอกสำหรับคนอยากชมวิว จุดที่เห็นวิวได้กว้างๆแบบไม่มีอะไรบังที่สุดจะเป็นบริเวณด้านหน้าสระน้ำ  เวลาจองสามารถระบุได้เลยว่าอยากได้ที่นั่งโซนไหนนะคะ  ความที่ตำแหน่งของร้านยังไม่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของตัวอาคาร จะว่าเป็น rooftop ซะเลยก็คงไม่ได้ วิวที่เห็นจากทางร้านจึงไม่ใช่วิวในระดับสูงเสียดฟ้าที่มองไปเห็นทุกอย่างเล็กเป็นมด  แต่เป็นวิวที่สามารถมองเห็นตึกรามในบริเวณนั้นได้ในระดับสายตา เห็นผืนน้ำกว้างใหญ่และพื้นที่ร่มรื่นเขียวชอุ่มของสวนเบญจกิติได้ถนัดตา  ซึ่งก็สวยงามไปอีกแบบค่ะ ยิ่งช่วงพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้านี่โรแมนติกสุดๆ

 

 
วิวจากที่นั่งด้านนอก

วิวจากที่นั่งด้านนอก

 
วิวจากที่นั่งด้านนอก

วิวจากที่นั่งด้านนอก

 
วิวจากที่นั่งด้านนอก

วิวจากที่นั่งด้านนอก

 
วิวจากที่นั่งด้านนอก

วิวจากที่นั่งด้านนอก

 
****-Opening Hours-****

ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 17.00 – 02.00 น. 
Dinner เริ่มเสิร์ฟตั้งแต่ 18.00-23.00 น. ส่วนของทานเล่นจาก Snack menu จะสั่งได้ถึง 01.30 น.ค่ะ

Dress Code : Smart Casual

Reservation : 02-302 2557- 9

****-เมนูที่ได้ลอง-****

อาหารของร้าน Long Table นี้ทางร้านให้นิยามว่าเป็น Modern Thai Cuisine – คือเน้นเมนูที่เป็นอาหารไทยแท้ๆ แต่มีการนำเสนอที่พิถีพิถันสวยงามเช่นเดียวกับอาหารแบบตะวันตก และมีการปรับรสชาติให้กลมกล่อม ไม่จัดจ้านมาก เพื่อให้ลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติสามารถทานได้อย่างเพลิดเพลินด้วย จะสั่งแบบ a la carte หรือสั่งเป็นอาหารเซ็ทราคาพิเศษที่ทางร้านจัดไว้ (serving size ของแต่ละจานเท่ากับการสั่งเดี่ยวๆ) ก็ได้ จะเอามาแชร์กันทานแบบไทยๆหรือสั่งเป็นคอร์สอย่างฝรั่งก็ได้อีกเช่นกัน สำหรับเราได้ลองไปตามนี้ค่ะ (ราคาที่เอามาลงนี้ยังไม่ได้รวม VAT และ  Service Charge  นะคะ)

[Drinks]

กับร้านแนวกิน-ดื่ม-นั่งชิลล์ชมวิวแบบนี้ เมนูเครื่องดื่มก็ย่อมต้องครบครันหลากหลายเต็มอัตราศึก จะเหล้าจะไวน์ก็มีให้เลือกแทบทุกชนิด รวมไปถึง Cocktails และ Mocktails ซึ่งหลายๆตัวก็เป็น Signature Menu ของทางร้านที่มีการนำผลไม้ไทยๆอย่างแก้วมังกร เงาะ ส้มโอ ทับทิม...ฯลฯ มาเป็นส่วนผสมด้วย เราลองไปเป็นแก้วนี้เลย

● Dots (ราคา 220 บาท) – Mocktail ตัวเด่นของร้านที่มีส่วนผสมหลักๆคือแก้วมังกร  Apple Juice และ Cranberry Juice  ผสมกลิ่นน้ำเชื่อมกลิ่นวานิลลามาจางๆ โรยด้วยใบสะระแหน่หอมๆ ได้ออกมาเป็นรสชาติแบบหวานเย็นๆสดชื่น  มีความกรุบนิดๆของเมล็ดแก้วมังกรเวลาดื่ม  ถูกใจเลยล่ะค่ะ

 
[Appetizer]

● เมี่ยงกุ้ง (ราคา 490 บาท)–เป็นเมนูทานเล่นที่เอาอาหารไทยแท้ๆอย่างเมี่ยงคำมายกระดับเพิ่มความพิถีพิถันในรายละเอียดและวัตถุดิบที่ใช้  เริ่มต้นจากใบชะพลูที่นำไปชุบแป้งทอดจนกรอบกริ๊บ ทำให้ทานง่ายไม่เหนียวแต่ก็ยังได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ ทาด้วยน้ำเมี่ยงคำรสแหลมอมหวานอมเปรี้ยวเข้มข้น มีกุ้งลายเสือชุบแป้งทอดตัวโตเนื้อแน่นเต็มๆคำวางอยู่ด้านบน ท็อปด้วยฝอยตะไคร้ทอดกรอบๆ ...บอกได้คำเดียวว่าฟินนน....

 
[Main Course]

สำหรับจานหลักทั้ง 2 เมนูที่เลือกมาลองในครั้งนี้เป็นเมนูใหม่ที่ทางร้านเพิ่งเพิ่มเข้ามาค่ะ ตามนี้เลย...

● แองเจิลแฮร์พาสต้ากับซอสน้ำพริกปูเสิร์ฟพร้อมกับหอยเชลล์ย่าง (ราคา 550 บาท) – จานนี้บอกเลยว่าอร่อยระเบิดระเบ้อ  ปลื้มปริ่มถูกใจแบบต้องตบโต๊ะรัวๆ  เส้นแองเจิลแฮร์ลวกมาได้ที่กำลังเป๊ะ คลุกเคล้ากับซอสที่รสชาติละม้ายคล้ายปูผัดน้ำพริกเผา+ผงกะหรี่ รสเข้มข้นถูกใจถูกลิ้นคนไทยอย่างเราดีมากๆ  มีเนื้อปูเคล้าอยู่ในซอสเป็นชิ้นเป็นอัน  ที่อยากจะกรี๊ดดังๆคือหอยเชลล์นำเข้าจากอเมริกาไซส์อลังการใหญ่ตู้มมม... ที่วางมาด้านบน  เนื้อนุ่ม – สด – หวานได้ใจสุดๆ แถมยังโปรยไข่กุ้งมาให้แบบพูนๆเน้นๆ เพิ่มความกรุบกรับเคี้ยวมันส์  ชิมแล้วต้องขอยกให้เป็นจานท็อปของมื้อนี้เลยค่ะ 

 

 
● ปลาแซลมอนย่างคลุกเคล้ากับถั่วพิสตาชิโอและโหระพาราดด้วยซอสหญ้าฝรั่น (ราคา 790 บาท) – พระเอกของจานนี้แน่นอนว่าคือเจ้า Norwegian Salmon ชิ้นใหญ่หนาตึ้บ  มองแรกๆเฉพาะผิวนอกเหมือนจะย่างมาแห้งไป แต่ความที่ชิ้นปลาหนามาก พอผ่าดูข้างในจึงยังนุ่มชุ่มอยู่ สุกทั่วถึงกำลังดีค่ะ จุดที่โดดเด่นคือส่วนของหนังปลาที่นำมาคลุกเคลือบด้วยถั่วพิสตาชิโอ ได้ความกรอบกริ๊บที่เหนือขึ้นไปอีกระดับ ตัดกันฉับกับความนุ่มของเนื้อปลา ในแง่สัมผัสคือดีงามสุดๆ  สิ่งที่ทำให้จานนี้แพ้จานที่แล้วไปนิดนึงก็เลยเป็นเรื่องของรสชาติที่ปรุงมาอ่อนไปนิดสำหรับลิ้นคนไทยอย่างเรา แต่อาจจะกลมกล่อมพอดีสำหรับลูกค้าต่างชาติน่ะนะ

 
[Dessert]

● ข้าวเหนียวมะม่วง (ราคา 250 บาท) – เมนูธรรมดาๆที่เราคุ้นเคยกัน แต่ presentation นี่ทำออกมาได้สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ  ข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนเล็กๆทานง่าย เนื้อนุ่ม ราดหัวกะทิชุ่มๆมาแบบกำลังดี เสิร์ฟกับเนื้อมะม่วงน้ำดอกไม้และเนื้อกีวี่ที่ตักมาเป็น scoop เล็กๆกลมป๊อก  ได้รสหวานของมะม่วงผสมกับรสเปรี้ยวจากกีวี่ที่ทานกับข้าวเหนียวแล้วเข้ากั๊น-เข้ากัน เป็นไอเดียการผสมผสานรสชาติที่เข้าท่าทีเดียว

 

 
****-Promotions-****

ทางร้านมี Happy Hour ตั้งแต่ 17.00-19.00 ทุกวัน สามารถสั่งเครื่องดื่ม (เฉพาะเมนูที่กำหนด) ได้ 1 แถม 1 ค่ะ

...และสำหรับวันลอยกระทงที่กำลังจะมาถึงนี้ ทางร้านจะมีการแจกกระทงอันเล็กๆให้ลูกค้าได้ลอยกระทงกันในสระน้ำด้วย ใครอยากจะฉลองวันลอยกระทงกันแบบเก๋ๆชิลล์ๆ จิบเครื่องดื่ม ทานอาหาร ชมวิว หรือแค่อยากให้รางวัลตัวเองดูซักมื้อก็แวะมาจัดได้ค่ะ
 
เมนูแนะนำ:  แองเจิลแฮร์พาสต้ากับซอสน้ำพริกปู, เมี่ยงกุ้ง
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


วันที่ไปกิน: Nov 07, 2016 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿1000(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0