นักรีวิวร้านอาหาร

เป็นมื้อดึกค่ะคราวนี้กินตอนสองทุ่ม zenสาขาsiam centerนี้เป็นร้านประจำค่ะ เพราะว่ามีโอกาสได้มาสยามบ่อยๆ และอีกสาขาที่ชอบไปกินบ่อยๆเหมือนกันคือสาขา เซ็นทรัลพระราม3ค่ะ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าสาขาเซ็นทรัลพระราม3ดีกว่าค่ะ พนักงานเยอะกว่า เอาใจใส่มากกว่า อาหารตั้งใจทำมากกว่าค่ะ

วันนี้สั่ง ทาโกะยากิ, ข้าวห่อสาหร่ายไส้กุ้งเทมปุระ,โซบะกุ้งเทมปุระ,กับซูชิเซ็ต190บาทค่ะวันนี้เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ลูกค้าเต็มมากๆๆๆๆๆ พนักงานแบบว่าชาติกว่าค่ะกว่าจะมารับออเดอร์ได้ อาหารก็รอนานสุดๆ จานแรกที่มาถึงดันเป็นของกินเล่น คือทาโกะยากินั่นเองค่ะ กินไปแป๊บเดียวหมดเกลี๊ยงเลย เพราะว่าทาโกยากิจานนี้ไม่ร้อนเลยค่ะ ยังดีที่ยังกรอบอยู่เลยกินได้อร่อยดีค่ะ ชอบมายองเนสสีส้มๆของเค้าเข้มข้นดี
จานที่สองที่มาคือโซบะกุ้งเทมปุระค่ะน่าเสียดายจานนี้ไม่ได้กิน เพราะเป็นของเพื่อนค่ะ แต่กินประจำอยู่แล้วเลยพอจะรู้รสชาติว่า น้ำที่ใช้จุ่มเส้นของที่zenนี้จะมีรสชาติหวานกว่าที่อื่นค่ะ เลยชอบของที่นี่มากกว่าที่อื่น และเส้นก็นิ่มๆค่ะ ไม่ดุบๆเด้งๆ แต่ชอบค่ะไม่เหนียวดี กุ้งก็ทอดได้กรอบปานกลางค่ะ แต่ก็ถือเป็นเมนูโปรดมากค่ะ
จานที่3กว่าจะมาได้โซบะเพื่อนหมดไปนานมากค่ะ ฉันก็นั่งจ้องพนักงานอยู่ว่าเมื่อไหร่จะเดินไปที่เค้าเตอร์ไปหยิบอาหารฉันมา เพราะเห็นพ่อครัวตรงเคาเตอร์ดูแบบว่างมากๆค่ะ ยืนคุยกันไม่ทำอะไร แล้วสักพักเค้าก็ทำค่ะเห็นหยิบปลาดิบขึ้นมา ใช้เวลาแค่ไม่ถึง5นาที ก็ยกถาดขึ้นมาวางให้ พนักงานมาหยิบไปเสริฟ พอพนักงานมาหยิบไปเสริฟปุ๊ปฉันก็เห็นว่าเห้ย นั่นมันที่ฉันสั่งนี่หว่า นึกว่าพนักงานไม่พอเลยช้า ที่ไหนได้ พ่อครัวอู้ เซ็งมาก ฉันนั่งมองพฤติกรรมของพวกพนักงานตลอดเวลาเพราะไม่มีอะไรทานจึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็เซ็งมาก แต่สาขานี้พนักงานช้าและทำอาหารไม่ค่อยดีอยู่แล้วเป็นทุนเดิมค่ะ สั่งพวกเซตที่เป็นพวกข้าวห่อสาหร่ายใส้ปลาฮามาจิ+อาโวคาโด้ ไปแต่ก่อน สั่งมา5ครั้ง ปลาชิ้นเล็กเป็นมดมากสัก4ครั้ง ครั้งที่มากินกับเพื่อนคนนึงเค้าเป็นคนดุมาก เรียกพนักงานมาว่า ว่าทำไส้นี้ปลาไม่มีเลย กลวงมาก พ่อครัวเลยทำให้ใหม่ใหญ่กว่าเดิม ค่อยเท่ารูปจริงหน่อยค่ะ หลังจากนั้นมาชิ้นปลาก็ใหญ่เหมือนปกติหน่อย ไม่ทราบเพราะว่าพนักงานจำได้รึเปล่าว่าโดนลูกค้าคนนี้แหละด่า หรืออะไร เพราะฉันมากินบ่อยมากกกกกก วกกลับเข้าเรื่องเดิม ฉันพอได้อาหารของฉันแล้วก็ทานแบบไม่ลืมหูลืมตา ข้าวห่อสาหร่ายใส้กุ้งเทมปุระที่นี่อร่อยมากค่ะแต่วันนี้มายองเนสน้อยไปหน่อย แต่เทมปุระก็กรอบนิดๆเลยอร่อยดีค่ะ ความอร่อยมันอยู่ตรงมายองเนสกับความกรอบของกุ้งเทมปุระค่ะ ส่วนซูชิรวมของฉันก็อร่อยทุกชิ้นค่ะ ฉันชอบปลาขาวของเค้าที่รสเหมือนฮามาจิค่ะ ไม่แน่ใจว่าใช่ฮามาจิรึเปล่า แต่รสเหมือนมาก ไข่หวานของที่นี่ก็ชอบค่ะ รสสดชื่นดีไม่หวานไป และชุ่มฉ่ำ(อย่านึกว่าข้าวปั้นหน้าไข่หวานจะเหมือนกันทุกที่นะคะ ไม่เลย อย่างของโออิชิกากมากค่ะ) ในการ์ตูนซูชิเค้าบอกว่าถ้าจะไปชิมว่าซูชิร้านไหนอร่อยให้ชิมข้าวปั้นหน้าไข่หวานนี่แหละค่ะ ถ้าร้านไหนไม่ได้เรื่องคือร้านนั้นห่วยแตกค่ะ อย่างอื่นก็ไม่ได้เรื่องหรอก ปลาแซลมอนก็อร่อยนิ้มมากค่ะ แต่ฉันไม่ชอบซูชิหอยปีกนก แต่ก็กินไปจนได้ค่ะ อิ่มมากค่ะวันนี้ แต่ก็ยังไปกินmelt me ตบท้ายค่ะ

" ข้าวราดหน้าไก่ไข่ดาว "

ข้าวราดหน้าไก่ไข่ดาว เป็นเมนูแนะนำประจำร้านอาหาร
สีฟ้า ซึ่งการันตีคุณภาพความอร่อยมามากกว่า 70 ปีแล้ว
และไม่ว่าจะทานที่สาขาใดก็สามารถคงรสชาติไว้ได้อย่างดี

บรรยายลักษณะรวม >> วัตถุดิบภายในชามนี้ก็มี อกไก่หั่นชิ้นเล็ก กุนเชียง เห็ดฝานบางๆคลุกมากับไก่ ข้าวดูนิ่ม ไข่ดาวเป็นมะตูมกำลังได้ที่ ผักชี ต้มหอมตกแต่งเล็กน้อย จัดวางแต่ละอย่างมาน่ารับประทาน

รสชาติ >> มาร้านสีฟ้าทีไรก็ไม่พ้นที่จะสั่ง เป็ดย่างหรือ ข้าวราดหน้าไก่ไข่ดาวเป็นประจำ เพราะรสชาติอร่อย ถูกปาก เมนูข้าวราดหน้าไก่ทำรสชาติออกมาได้กล่มกล่อมเข้ากันมาก โดยเฉพาะน้ำราด เมื่อคลุกให้เข้ากับข้าว ก็จะทำให้ข้าวนิ่มกำลังพอดี และไก่ที่หั่นมาชิ้นเล็กกำลังพอดีคำทำให้คลุกเคล้าได้เข้ากับน้ำราด ได้รสถึงความหวานของเนื้อไก่ เมื่อเหยาะ แม๊กกี้ เข้าไปก็ยิ่งอร่อยเพิ่มรสชาติเค็มนิดๆ อีกทั้งยังได้ความหวานจากกุนเชียงซึ่งช่วยเบรกให้อาหารจานนี้รสชาติไม่เลี่ยนหรือจืดชืดเกินไป

รูปลักษณ์ >> ข้าวราดหน้าไก่ เสิร์ฟมาในรูปแบบของชาม พร้อมกับช้อนจีน ทำให้ได้บรรยากาศโบราณๆ ตามคอนเซปของร้าน ภายในชามจัดอาหารได้ดูน่ากิน มีปริมาณเยอะดี แบ่งแยกส่วนของวัถตุดิบไม่มาปนกัน พร้อมกับมีไข่ดาวโปะหน้า

ราคา >> 65 บาท

ติชม >> เริ่มจากบรรยากาศ การตกแต่งของร้านอาหารก่อน ร้านสีฟ้าเป็นร้านที่นิยมมารับประทานเป็นครอบครัว เพราะเป็นร้านอาหารที่เก่าแก่มีชื่อเสียงมานาน จึงคิดว่าควรทำร้านให้ดูอบอุ่นมากกว่านี้จะปูเป็นพื้นไม้ก็ดูดี ควรมีการตกแต่งสิ่งต่างๆเพิ่มเติม จะรูปภาพ หรืออะไรก็ตาม พนักงานร้านสีฟ้ามีมารยาทมากดูแลลูกค้าได้ทั่วถึงดีมาก
เมื่อพูดถึงเมนูข้าวราดหน้าไก่ไข่ดาว ก็ชอบตรงที่เสิร์ฟในรูปแบบของชามกับช้อนจีนทำให้อาหารดูน่าอร่อยมากขึ้น อาหารทำได้รวดเร็ว สดใหม่ ราคา 65 บาทก็กำลังพอดี ไม่แพงเกินไป บวกกับเป็นร้านอาหารห้องแอร์แล้ว แต่สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงในเมนูนี้ก็คือ เพิ่มวัตถุดิบจำพวก ผัก มากขึ้นนิดหน่อย เช่น ใส่หน่อไม้ เพิ่มความกรุบกรอบ ใส่พริกสดหั่น เพิ่มรสชาติ แก้เลี่ยน แต่ก็ไม่อยากให้ใส่อะไรมากเกินไปเช่นพวกข้าวโพดหรือแครอท เดี๋ยวจะกลายเป็น ข้าวราดหน้าไก่ที่มีทั่วๆไป ไม่เป็นสูตรโบราณของร้านนี้

"ไอศครีมชาเขียวในน้ำเต้าหู้"

ถ้าเบื่อไอศครีมหรือของหวานจากร้านเดิมๆที่เคยทานอยู่แล้ว ก็อยากแนะนำให้ลองมาที่โอโตยะดู ที่โอโตยะมีของหวานอร่อยๆให้ลองทานหลายเมนู เช่น เยลลี่คุโรสุ(เต้าหู้สดกับเยลลี่), บรามันเจะ หรือใหม่ล่าสุดก็มี ไอศครีมซากุระกับถั่วแดง

แต่คราวนี้จะมาแนะนำไอศครีมชาเขียวในน้ำเต้าหู้กันก่อน

บรรยายลักษณะรวม >> มีไอศครีมชาเขียว 1 scoop, ดังโหงะ 2 ชิ้น, วุ้นชาเขียว, ถั่วแดงกวน และน้ำเต้าหู้เทมาอยู่ในชามแล้ว นอกจากนี้ยังมีน้ำเชื่อมถ้วยเล็กแยกมาให้เราเทเอง

รสชาติ >> ไอศครีมชาเขียวของร้านนี้ จะไม่หวานแบบไอศครีมชาเขียวทั่วๆไป ของร้านโอโตยะจะออกรสชาติขมๆผสมมาด้วย ทำให้ได้รสชาติของชาเขียวจริงๆ เมื่อราดน้ำเชื่อมหวานๆเข้าไปในชามแล้วก็ช่วยทำให้อร่อยมากขึ้น ทั้งทำให้ดังโหงะมีรสชาติมากขึ้น มิเช่นนั้นจะรสชาติจืดๆธรรมดา ทำให้น้ำเต้าหู้ออกหวานบ้าง ส่วนวุ้นชาเขียวจะไม่มีรสชาติอะไรมากเท่าไหร่ได้แค่สัมผัสถึงความนิ่มของวุ้น ซึ่งก็ดีแล้วเพราะทั้งชามนี้ก็มีรสหวานเยอะทั้งถั่วแดงบดด้วย ให้มีวุ้นมาเปลี่ยนรสชาติบ้างก็ดี

รูปลักษณ์ >> ปัจจุบันนี้ทางร้านโอโตยะได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ โดยไอศครีมชาเขียวน้ำเต้าหู้จะเสิร์ฟมาในชามเซรามิคเคลือบสีสวยงาม และช้อนไม้ดังภาพประกอบได้อารมณ์สไตล์ญี่ปุ่นๆ จากแต่ก่อนที่เป็นแค่ชามแก้วใสๆ กับช้อนสแตนเลส ทำให้ของหวานดูน่าทานขึ้นเยอะ ส่วนวัตถุดิบก็จัดมาแยกให้เห็นเป็นประเภทๆ ดูเรียบร้อย

ราคา >> หากทานที่ร้านใหญ่ ootoya restaurant จะมีราคาสูงถึง 80 บาททีเดียว แต่ถ้า
ไปทานที่ ootoya kitchen จะราคาเพียง 55 บาทเท่านั้น ลองไปดูกันนะคะ

ติชม >> เรื่องรูปลักษณ์คิดว่าทางร้านทำออกมาดูดีแล้ว ชามเซรามิคสีสันสวยเป็นธรรมชาต และก็คิดว่าเป็นของหวานที่แปลกกว่าร้านอื่นๆ ไม่ซ้ำไอศครีมรูปแบบเดิมๆ มีการนำน้ำเต้าหู้ทำเป็นของหวานได้อร่อย เข้ากับไอศครีมมาก นอกจากนี้ส่วนที่เพิ่มรสชาติความอร่อยเลยก็คือ น้ำเชื่อม โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรสชาติหวานๆต้องติดใจแน่นอน
--- แต่ถ้าหากว่าอยากให้เปลี่ยนแปลง ก็อาจจะลอง ใส่เกร็ดน้ำแข็งเข้าไปในชาม เพราะตอนทานกับน้ำเต้าหู้คงอร่อยดี แล้วก็อาจจะเปลี่ยนจากดังโหงะมาเป็น pound cake หั่นชิ้นพอดีคำแทนก็จะได้เปลี่ยนรสชาติจากดังโหงะที่จืดๆ มาเป็นเค้กที่หลายๆคนก็ชอบ แค่นี้ก็อร่อยถูกปากแล้วล่ะค่ะ

Auntie Anne's เป็นร้านอาหารที่ทำเพรสเซลโดยเฉพาะ มีหลายสาขา ตั้งอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าทั่วไป โดยเพรสเซลของเค้าจะอบใหม่สดๆ ไม่ค่อยมีที่ทำทิ้งเอาไว้ ถึงจะมีก็จะเป็นเพรสเซลที่ยังคงอุ่นและใหม่เพิ่งเอาออกจากเตาได้สักพัก
ทางร้านพนักงานจะให้รอรับอาหารภายใน 7 นาที แต่พอจริงๆแล้วบางทีนานกว่านั้น สำหรับคนที่ต้องรีบเร่งจริงๆ ไปเข้าร้านอาหารfast food อย่าง Mc KFc จะได้อาหารที่ต้องการเร็วกว่าถ้าเทียบกับต้องรอAuntie Anne's อบเพรสเซลใหม่ ร้านนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดเล็กสามารถรับคนได้ไม่ถึง 20 คน แต่สาขาที่พาราก้อนไปทีไรก็ยังมีที่ว่างให้นั่งอย่างสบายเสมอ นั่นก็เพราะเค้าเน้นขายแบบซื้อกลับบ้าน เก้าอี้กับโต๊ะในร้านจึงถูกใช้เป็นที่นั่งรอสินค้าเป็นส่วนใหญ่ ร้านบรรยากาศโดยรวมแล้วแลดูดี ไม่สกปรก
เวลาที่อาหารมาเสริฟ จะพบว่าทางร้านจะแพคใส่ถุงพลาสติก อะไรไว้เรียบร้อย เตรียมให้เรานำกลับบ้านได้ ทั้งๆที่ไม่ได้พูดว่าจะนำกลับไป โดยข้างในถุงจะพบได้ว่าเพรสเซลจะถูกนำไปวางในกระดาษสีขาวที่มีสัญลักษณ์ของทางร้านซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับความมันได้ (ถ้าเป็นอาหารที่มีความเลอะกว่านี้จะถูกนำใส่กล่องกระดาษ แต่ไม่มีพวกช้อนซ้อมหรืออะไรไว้ให้ใช้รับประทาน)

รสชาติของเพรสเซลซินนามอลนั้น ตัวเพรสเซลเองนุ่มเหนียว กรอบนอกอร่อยมากๆ ดูจากผิวของเพรสเซลมีความมันและหอมจากการทาเนยก่อนเข้าอบ ภายนอกโรยด้วยน้ำตาลเกร็ด ที่เหมือนกับbrown sugar ไว้เต็มเพรสเซล แล้วโรยด้วยผงซินนามอล สัมผัสของรสชาติจึงกรุบๆ ทั้งน้ำตาลและ ความกรอบของตัวเพรสเซลที่สดใหม่ของร้าน และมีความหวานของน้ำตาล และกลิ่นหอมยั่วน้ำลายอย่างแรงของเพรสเซลที่แค่ได้กลิ่นนอกร้าน ก็ทำให้เดินเข้ามานั่งในร้านแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย (ห้าห้า) นอกจากนั้นทางร้านยังมีเพรสเซลแบบอื่นๆอีก 5-6 รส บางรสมีใส่ลูกเกดข้างในและอบไปพร้อมกับเพรสเซลอีกด้วย เป็นอีกเมนูที่อร่อยมากเช่นกัน

ราคาของอาหาร : 39 บาท (ถ้าสมัครสมาชิกจะซื้อ 1ชิ้นแถม 1 ชิ้น ถูกกว่าเดิมสุดๆ สมัครเลย)

ติชม:
ทางร้านใช้เวลาในการเสริฟนานเกินไป น่าจะมีทางลัดที่จะทำให้ทำเร็วขึ้น อย่างเช่น ทำเพรสเซลที่ยังไม่ถึงกับกรอบทิ้งไว้ก่อน แล้วพอลูกค้าสั่ง ก็นำไปอบต่อจนกรอบได้ที่
ทำให้ใช้เวลาในการทำ สั้นลง
ถ้าได้รับเพรสเซลแล้วควรทานในทันทีไม่เช่นนั้น จะเหนียว ความกรอบก็จะหายไป
ไม่มีอุปกรณ์อย่างช้อนซ้อมพลาสติกช่วยกินเลย ไม้จิ้มฟันก็หาไม่เจอ กินแล้วเลอะ ถ้ามีไม้จิ้มฟันสักนิด น่าจะไปวางไว้ในทุกๆโต๊ะเลย

ร้านDon Don Tei เป็นร้านที่ยังไม่เคยทานมาก่อนเลยค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นร้านเปิดใหม่เลยลองเข้าไปอุดหนุนดูค่ะภายในร้านตกแต่งคล้ายร้านอาหารแบบfast food ดูง่ายๆ พนักงานบริการดีมากๆเลยค่ะ คอยเติมน้ำ เวลาเรียกก็เรียกง่ายมากค่ะและยังคอยแนะนำเมนูอีกด้วย เริ่มต้นได้ดีเลยค่ะ
นี่เป็นภาพเมนูของร้านค่ะเมนูก็มีหลายอย่างน่าทานดีค่ะ มีเป็นเซ็ตชุดอาหารเหมือนญี่ปุ่นดี
เป็นเซ็ตที่เราสามารถเลือกเมนูสามอย่างได้ในจาน
1.จานข้าว (มีข้าวหน้าเทมปุระกับข้าวหน้าหมูอะไรสักอย่างให้เลือกค่ะ)
2.โซบะเย็นหรือโซบะร้อน
3.อาหารข้างเคียงจะเป็นเทมปุระ หรือเป็นคาราเกะค่ะ
ทั้งหมดนี้เป็นเซ็ตค่ะ
เลยเลือกข้าวหน้าเทมปุระ โซบะร้อน กับเทมปุระทอด เป็นเซ็ตอลังการมากค่ะมีแต่เทมปุระ
ราคาไม่แพงมากค่ะ 200กว่าบาทส่วนเพื่อนก็สั่งข้าวหน้าหมูมาค่ะ ก็น่าอร่อยมากเลยค่ะราคาร้อยกว่าบาทก็ทานๆแล้วรู้สึกว่าข้าวหน้าหมูของเพื่อนอร่อยกว่าค่ะ เพราะชุ่มน้ำกว่า
ส่วนเทมปุระแป้งแบบว่าจืดมากค่ะ ไม่ค่อยกรอบเท่าไหร่ด้วยเหนียวๆ แบบว่าอาหารไม่ค่อยร้อนแล้วด้วย คงเพราะมันเป็นฟาสฟู้ด ทำเตรียมๆไว้ก่อนเยอะๆ แล้วก็เย็นไม่อร่อย น้ำที่ราดในเทมปุระก็น้อยค่ะ ข้าวเลยแห้งกังนิดหน่อย แต่มีโซบะคอยช่วยให้ทานคล่องขึ้น โซบะก็จืดๆเลยค่ะ สรุปแล้วไม่อร่อยอ่ะ ไม่ปลื่มเลย แต่เมนูน่าทานดีเฉยๆ พอทานเสร็จแล้วก็สั่งของหวานค่ะ
มีไอศกรีมทอดลูกเบอเร่อเลยค่ะทานแล้วก็แป้งหนาๆค่ะ กรอบนิดหน่อย ไอศกรีมข้างในสั่งเป็นรสวานิลามาค่ะ(มีให้เลือกแค่2รส วานิลากับชาเขียว) วานิลาก็อร่อยดี แล้วยังมีไอศกรีมชาเขียวแถมมาด้วยค่ะไอศกรีมชาเขียวอร่อยดีค่ะ ก็แย่งกันทานกับเพื่อนอีกคน จนหมดทั้งสองลูกเลย
สรุปมื้อนี้ก็เรียกว่าพอกินได้เรื่อยๆค่ะ ก็ดีค่ะ