นักรีวิวร้านอาหาร

ตั้งใจจะมาทานเมนูนี้ ซึ่งน้องสาวอีกคนบอกว่าอยากทานเหมือนกันก็เลยนัดแนะกันมาสาขาสยามสแควร์วัน นั่งรอคิวกันไป เกือบสิบคิว อ้าว พอได้ที่นั่ง เมนูนี้ไม่มีขาย เค้าเสียจายยย 😖😭😫

และแล้วพอตกค่ำหลังไปตระเวนทานที่อื่น อยู่ดีๆความคิดก็กลับมาวนเวียนต่อ เหมือนความอยากยังคงอยู่ ก็เลยลงบีทีเอสสถานีสยามแบบไม่ต้องลังเล และเดินเข้าห้างสยามพารากอน ลงมาชั้น G ดุ่มๆเลยค่ะ 😆 มาถึงดีใจสุดๆที่เห็นป้ายโฆษณาเมนูนี้หน้าร้าน ตรงดิ่งรับบัตรคิวรอๆเลยจ้า

และแล้วก็ถึงคิวเรา เย้ๆ ในที่สุดวันนี้ก็ได้ทาน อิอิ

- two-tone kakigori 225 บาท เป็นน้ำแข็งใสรสนมราดด้วยครีมนมข้น(ไม่รู้เรียกอะไรขอตั้งชื่อเองเลยนะ😅) และโรยผงฮอร์ลิค กับ ไมโล อย่างละครี่ง เสริฟพร้อมซอสไมโลถ้วยเล็กๆค่ะ

ฮอร์ลิค หอมๆมอลต์ ชอบสุดๆค่ะ เราชอบความหอมแบบนี้ รสหวานเบาๆ พอทานกับน้ำแข็งใสรสนมและครีมนมข้นที่ราดทำให้เข้ากันดีค่ะ ไม่หวานแสบคอไป

ไมโล ออกหวานๆอร่อยตามสไตล์ไมโลอ่ะเนอะ จะหวานกว่าฮอร์ลิค พอกลับมาทานฮอร์ลิคจืดเลยอ่า แต่ยังมีความหอม เลยทำให้ยังอร่อยอยู่ค่ะ

น้ำแข็งใสรสนม เนื้อน้ำแข็งละเอียดฟูฟ่องชอบมากๆ ทานแล้วละลายในปาก หวานเบาๆหอมๆนม ทานเพลินไม่แสบคอ ตักไปเรื่อยๆ ด้านในจะเจอขนมปังชิ้นพอคำ และช็อคโกแลตกรุบกรอบเป็นชิ้นพอคำเช่นกัน แต่ส่วนตัวถ้าเปลี่ยนเป็นชีสเค้กคงดีกว่าเนอะ 😂

โดยรวมทานสองรสรวมกัน ทำให้รสอาจโดดไปโดดมานิดนึง แต่ก็ได้อร่อย 2 แบบดีเนอะ แต่ส่วนตัวถ้ามาครั้งหน้าคงอยากเลือกทานรสฮอร์ลิคอย่างเดียวเพราะจะได้ความหวานหอมๆฮอร์ลิคแบบเต็มๆ😊

ใครยังไม่ได้ลองทานน้ำแข็งใส บอกเลยว่าอย่าพลาดนะคะ ว่าแต่ถ้าใครรู้สิธีการทานที่ไม่หกเลอะเทอะ ก็ช่วยกลับมาบอกด้วยนะค้าาา 😅

ด้วยความที่อยู่ใกล้กันและสนิทกันเลยสามารถตักแบบบุฟเฟ่ต์ได้ 555 ไม่ใช่คร่าาา แค่ตักได้แล้วเดี๋ยวป้าแกจะคิดราคาเอง กับข้าวป้าก็มีหลายอย่างแล้วแต่ในแต่ละวัน ที่เราชอบมากๆ เลยคือ ผัดหอยลาย ผัดเผ็ดลูกชิ้นปลากราย แกงไก่หน่อไม้ ผัดหน่อไม้ไก่ น้ำพริกกะปิ และอีกสารพัดที่ตอนนี้นึกไม่ออกแต่ที่มาโพสต์บอกตอนนี้เพราะจะมาอัพเดทความคืบหน้าค่ะ วันที่ 1 พ.ค. 58 นี้ คลองถมฝั่งวัดตึกนี้จะยกเลิกขายแล้วค่ะ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้ขาย หลังจากนี้จะขายได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลยค่ะ 
แต่ยังไงจะมาอัพเดทความเคลื่อนไหวให้ต่อนะคะ จะได้หาของอร่อยๆ กินต่อค่าาาาา

"อีก 1 ร้านซูชิคุณภาพ ย่านศรีนครินทร์ ที่ต้องลอง"

จะว่าไปแล้วนั้น ทุกวันนี้อาหารญี่ปุ่นแนว stand alone

ที่ไม่ได้เป็นแฟรนช์ไชส์นั้น มาแรงและมีให้เลือกมากมาย

หลากหลายร้านมาก ๆ เลยครับ

ทั้งเป็นร้านญี่ปุ่นแท้ ๆ Traditional หรือจะเป็น Fusion

รวมถึงเป็นแบบ Counter Bar ที่พร้อมขายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม

ซึ่งแต่ละร้านนั้นก็พยายามผลักดันตัวเอง และชูตัวว่าเป็น

ระดับพรีเมี่ยมกันทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการตกแต่งร้าน

คุณภาพวัตถุดิบ รวมถึงราคาที่ค่อนข้างจะสูงอยู่พอตัว

เพื่อให้เหมาะสมกับคำว่า "Premium"

ในยุคสมัยนึงก่อนหน้านั้น ร้านแนวนี้จะได้รับการตอบรับ

จากฐานผู้บริโภคฐานะปานกลางค่อนข้างสูงขึ้นไป

ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า จำนวนร้านที่เปิดขึ้นมาอย่างมากมาย

และร้านจะกระจุกตัวอยู่ในใจกลางเมืองและแหล่งที่มี

ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมาพักอาศัย

จนยุคสมัยนี้ ทำให้เกิดกระแส การจัดโปรโมชั่นลดราคา

จากราคาปกติ ลดลงมา 50% 40% 30% 20% กัน

เพื่อแย่งชิงลูกค้า และดึงฐานผู้บริโภคฐานะปานกลางลงมา

ให้ได้มาลิ้มรสชาติ ปลาสด ๆ รสชาติดี ๆ ด้วยฝีมือการปรุง

และตกแต่งของเชฟในแต่ละร้านกัน เป็นการเปิดกว้าง

ให้รองรับกับลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

รวมถึงการมาเปิดร้านตามชานเมืองฝั่งต่าง ๆ

เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น

1 ในร้านที่จะมาแนะนำในวันนี้ คือร้าน Omote Sushi Bar

ซึ่งในรีวิวนี้ จะเป็นรีวิวรอบที่ 2 ในระยะเวลา

ที่ไปทานห่างกันประมาณ 5 วัน เลยมาลงรายละเอียดเพิ่มด้วย

สามารถดูรีวิวแรกได้ที่ Omote Sushi Bar @ Haha55 Mall

เนื่องจากช่วงเดือนที่ผ่านมา(เมษายน) ทางร้านมีจัดโปร

สำหรับผู้ถือบัตรสมาชิก ที่ต้องเสียค่าสมัคร 300 บาท

ไว้รับสิทธิส่วนลดโปรโมชั่นจากทางร้าน

และสะสมแต้มไว้เพื่อแลกอาหารตามจำนวนแต้มที่สะสมถึงครับ

อย่าลืมถือบัตรกันไปด้วยล่ะ

ร้าน Omote Sushi Bar

ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้า HaHa! (55)

ซึ่งห้างสรรพสินค้า HaHa! นี้มาไม่ยาก เพราะอยู่ระหว่าง

ห้างสรรพสินค้า Paradise Park และ Seacon Square ครับ

ร้านตกแต่งแนวโมเดิร์น ที่มีกลิ่นญี่ปุ่นด้วยโต๊ะไม้สีสว่าง

สบายตาด้วยกระจกรอบร้านและทางเข้าออกที่ไม่มีประตู

เคาท์เตอร์ซูชิบาร์ตั้งอยู่หัวมุมหน้าร้าน ทำให้เห็นวัตถุดิบ

และลีลาการทำอาหารของเชฟได้อย่างเต็มที่

เมนูที่ร้านจะมีแนว ซูชิ ซาซิมิ ฟิวชั่น โรล

ของทอดและดงบุริ(ข้าวหน้า) ไว้บริการ เป็นต้น

รวมถึงทางร้านจะมีโปรโมชั่นลดราคาปลาแต่ละชนิด

ในแต่ละเดือน แตกต่างผลัดเปลี่ยนกันไป

อย่างเช่นเดือนเมษายน ที่ผมไปมานั้น

จะลดแซลมอน 40%(เงินสด) ตามเมนูที่ทางร้านจัดไว้

กว่า 10 เมนูยกเว้นเมนูฟิวชั้นที่จะลด 30%(เงินสด)

และนอกจากนั้นก็ยังมี โอโทโร่ Otoro, คินเมได Kinmadai,

มาได Madai ที่จัดโปรลด 50%(เงินสด)

ทุกวันอังคาร-ศุกร์อีกด้วย

รอบที่ 2 นี้ จัดปลาอื่น ๆ นอกเหนือจากแซลมอนครับ

โดยรอบนี้ ปลาคินเมได Kin-madai, มาได Madai

และโอโทโร่ Otoro ลด 50%

เลยมาลองให้ครบ ๆ ครับ (ผมจำราคาแต่ละเมนูไม่ได้เพราะลืมเก็บบิลไว้)

แต่ราคารวม ๆ แล้วประมาณ 4,xxx ปลายครับ

ทางร้านจะจัดซุปให้เป็นออเดิร์ฟฟรี ก่อนทานอาหาร

มีออเดิร์ฟเพิ่มขึ้นมาในรอบนี้ เป็นเนื้อและหนังปลาแซลมอนทอดซุปรอบนี้เป็นซุปใส รสชาติดีเครื่องดื่มที่นำมาเอง เป็นไวน์ขาวที่เก็บไว้นานแล้ว

เลยเอามากำจัดซะหน่อยนะครับ

ทางร้านจะขอคิดค่าบริการเปิดขวด 300 บาท/ขวด

และชาเขียวเย็นที่เข้มขึ้นจากรอบแรกที่ได้ติไปไฮไลท์ของรอบนี้ คือปลาคินเมไดครับที่เพิ่งเข้ามา

ทั้งตัวหนักประมาณ 1.5 กก. เลยจัดทั้งตัวราคาขอเหมามาเลย

ที่ตัวละ 1,900-2,100 บาท ราคาลดแล้วเฉพาะเนื้อปลาครับ

โดยให้เชฟช่วยทำเมนูทะยอยออกมาเสิรฟ ตามแต่เชฟเลย

จัดเต็ม ๆ กับซาซิมิ คินเมไดกันครับ เนื้อปลาขาวอมชมพู

แล่ปลามาชิ้นหนามาก ๆ (อาจจะหนาเกินไปด้วยซ้ำครับ)

กลิ่นปลาหอมสดชื่น เนื้อปลาก็หวานทานง่าย กรอบเด้งสู้ฟัน

เอร็ดอร่อยกันมากมายฟินกันต่อด้วยเมนูซูชิหลากหลาย ทั้งแบบสด แบบเบิร์น

และแบบฟิวชั่น ราดซอสนู่นนี่นั่นกันอร่อยต่อกันที่ โอโทโร่ ซูชิ อีก 2 คำ เชฟแล่ปลามาคลุมข้าวมิด

เนื้อปลาไม่ต้องพูดถึง สด มัน ตามลายที่เห็นเลยครับตามด้วยปลามาได เนื้อขาวอีกตัวที่ราคาย่อมเยาว์กว่า

รสชาติก็ดร็อปลงมากว่า คินเมไดพอสมควร

แต่ความสดของปลายังดีเช่นเคยครับต่อด้วยแซลมอน ทั้งซูชิ ซาซิมิ และ แซลมอนอิคุระด้ง

ไข่ปลาแซลมอน และโซ แซลมอนโรล และ สลัดปลาแซลมอนถัดมาเป็น ชิราชิด้ง Chirachi Don ข้าวหน้าปลาดิบรวมอย่างดี

เนื้อปลาหลายชนิดและไข่หวานนับร่วม 10 ชิ้นหนา

มากับไข่ปลาแซลมอนอีกด้วย เด็ดอีกแล้วครับชามนี้จัดกันต่อกับปลาไหล ทั้งน้ำจืด Unagi และทะเล Anago

ที่รสชาติกำลังดี ปลาชิ้นใหญ่ได้มาตรฐาน และปิดท้ายกับ หอยเชลล์ Hotate ซาซิมิ เนื้อหอยหวานเจี๊ยบ

ที่มีตับของหอยเชลล์อาบุริ มาให้ลิ้มรสความ Creamy เนียนนุ่ม

ละมุนอย่างกับฟัวกราส์เลยล่ะครับ แนะนำให้ลองเลยมาถึงบทสรุปส่วนตัวของผมที่มีต่อร้าน Omote Sushi Bar กันสักนิด

- แนะนำให้เลือกทานแบบเมนูโปรโมชั่นจะคุ้มสุด ๆ พร้อมทำบัตรสมาชิก

- ความสด ใหม่ของปลานั้นดี ปลาจะเข้าทุกวันอังคารและศุกร์

- เมนูของร้อนจะไม่ค่อยหลากหลายด้วยพื้นที่ครัวนั้นจำกัด

- ซูชิข้าวคำใหญ่ปานกลาง แต่ปลาก็ใหญ่ตามพอดีกันกับข้าว

- ซาซิมิแล่ชิ้นหนาดูคุ้มค่า

- ชาเขียวรสจะอ่อน ต้องบอกขอเข้ม ๆ ถ้าชอบเข้ม ๆ

- เชฟให้ข้อมูลปลาค่อนข้างดี ใส่ใจในการปรุงและตกแต่ง

- เมนูฟิวชั่นซอสค่อนข้างน้อย ใช้ซ้ำกันเยอะไปหน่อย

- พนักงานเสิรฟน้อยไปหน่อยต่อจำนวนโต๊ะ ถ้าคนเต็มร้านจะไม่ทัน

- ชนิดปลามีมาตรฐานไม่มีปลาแปลก ๆ แหวกแนวให้ได้เลือกแต่น่าจะสั่งล่วงหน้าได้

- ใกล้บ้านผม คงได้ไปอีกบ่อย ๆ จะคอยดูโปรโมชั่นเรื่อย ๆ นะครับ

- ราคาในเมนูและราคาโปรโมชั่นเป็นราคาสุทธิแล้ว ไม่มีบวก vat และ SC ครับ ขอให้มีความสุขในการรับประทานอาหารในทุกมื้อครับ

สนใจจองที่นั่ง ติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดร้านได้ที่

https://www.facebook.com/Omotesushibar

instragram : omote_sushibar

วันนี้มากินไอศกรีมโปรโมชั่นจากสเวนเซ่นกันค่ะ

ช่วงนี้เป็นเมนูวัฟเฟิลซันเดย์ค่ะหน้าต่างๆ ท็อปปิ้งหลากหลาย
ราคาก็ไม่แพงค่ะ

มีไอศกรีมรสชาติใหม่ด้วยรสมะพร้าวอ่อนค่ะ

วันนี้สั่งรสมะพร้าวอ่อนมาให้วัฟเฟิล M&M ค่ะก็ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่กับช็อคโกแลตกับมะพร้าวนะคะ
แต่ก็อร่อยดีค่ะ รสไอศกรีมเราสามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบค่ะ
โดยถ้วยนึงมีไอศกรีม 1 ลูกค่ะ

สาขานี้ก็โอเคค่ะ ลูกค้าไม่เยอะมาก ไม่วุ่นวายดีค่ะ
ของก็มาเร็ว ไอศกรีมไม่ละลายเร็วค่ะ

เนื้อไอศรีมเหนียวแน่น หวานอร่อย และแพง
ส่วนใหญ่เราจะเลือกเมนูจากครีเอชั่นที่เค้าจัดเป็นเมนูไว้แล้ว คิดว่าถ้าจะสั่งเป็น own creation ก็น่าจะได้เหมือนกัน

ไซส์จะมี Like it (เล็ก) 129.- กับ Love it (กลาง) ราคาไม่รวมวัฟเฟิลกรอบที่เอาไว้รองข้างใต้ วัฟเฟิลก็มีให้เลือกเช่นกัน
แบบธรรมดา แบบชุดช็อกโกแลต ฯลฯ

ส่วนตัวไม่ชอบวัฟเฟิล รู้สึกมันใหญ่กว่าเนื้อไอศรีมที่เราสั่ง และรู้สึก(ไปเองมั้ง) ว่าพอมีวัฟเฟิลกรอบรองใต้ไอศรีม
ทีไร ได้ไอศรีมน้อยทู้กทีเมนูตั๋งชื่อได้เก๋ไก๋ และจำยากมากเข้าปากคำแรก อร่อยมากก ไอศรีมชีสเค้กใส่สตรอเบอร์รี่กับบลูเบอร์รี่แช่แข็ง เปรี้ยวๆตัดกับไอศรีมหวาน
(หาสตรอเบอร์รี่ไม่เจอ เหมือนเขาใส่ลูกเกดแทน)อันนี้ก็อร่อยเหมือนกัน ใส่สปองเค้ก กับถั่วพีแคน ถั่วพีแคนนี่อร่อยมากเลยอ่ะ เสียดายใส่มานิดเดียว

มีน้ำดื่มบริการฟรีจ้า