นักรีวิวร้านอาหาร

“จุดชมนม” ร้านขายเครื่องดื่มและขนมเปิดใหม่ย่านประชาชื่น จุดเด่นของร้านอยู่ที่เมนูเครื่องดื่มที่ใช้นมเป็นส่วนประกอบหลัก ทั้งพวกกาแฟ นม ไมโล ชา แต่ก็มีเครื่องดื่มบางเมนูที่ไม่ใส่นม อย่าง อิตาเลียนโซดา ชามะนาว และผลไม้ปั่น นอกจากนี้ยังมีพวกเมนูของหวานอย่างขนมปังปิ้ง และอาหารจานเดียวอย่างสปาเกตตี้ และเมนูอาหารเช้าแบบพวกไข่กระทะ ด้วย


ร้านอยู่บนริมถนนประชาชื่น ระหว่างซอย 24 และ 25 ตกแต่งแบบสไตล์สบาย ๆ มี 2 ชั้น มีทั้งมุมโต๊ะแบบมาด้วยกัน หรือโต๊ะเดี่ยวสำหรับมาคนเดียว มีปลั๊กให้บริการ มีมุมโซฟา และมุมนั่งพื้นบนชั้นลอย เรียกได้ว่าใครอยากนั่งแบบไหน มีให้เลือกได้ตามใจ


สปาเกตตี้ผัดไส้กรอก (79 บาท) เส้นสปาเกตตี้เหนียวนุ่มกำลังดี ผัดกับซอส กระเทียมสด และพริก รสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นใบโหระพา ตัวไส้กรอกก็ใช้ไส้กรอกแบบดีอร่อยเลยค่ะ


ข้าวกระเพราไส้กรอกไข่ดาว (75 บาท) ข้าวสวยร้อน ๆ ราดด้วยไสรกรอกผัดกระเพรารสชาติเข้มข้น ผัดกับน้ำมันหอย เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว ไส้กรอกคุณภาพดี


สปาเกตตี้คาโบนารา (99 บาท) สปาเกตตี้ผัดกับเบครอนกรอบ แฮม ราดด้วยซอสครีมมันเข้มข้น


นมสดไมโลภูเขาไฟเย็น (50 บาท) เป็นนมไมโล โรยด้วยผงไมโลแบบภูเขาไฟ เวลาดูดนมจะเจอผงไมโล ดูมี texture ดูดเพลินดีไปอีกแบบ


คาปูชิโนเย็น (50 บาท) กาแฟหอมหวานอร่อยดีค่ะ


ชาไทยน้ำผึ้งมะนาวเย็น (45 บาท) ชาไทยชงเข้มข้นผสมน้ำผึ้งมะนาว เปรี้ยวหวานหอมชื่นใจดีค่ะ


ชาเลมอนเย็น (45 บาท) รสเปรี้ยวอมหวาน ส่วนตัวเราชอบเมนูชาไทยน้ำผึ้งมะนาวมากกว่าค่ะ


ปิดท้ายด้วยของหวาน ขนมปังปิ้งเนยน้ำตาล (15 บาท) เนยนม (20 บาท) เนยนูเทลลา (35 บาท) ขนมปังปิ้งมาร้อน ๆ กรอบนอกนุ่มใน หอม ๆ ราดด้วย น้ำตาล นม นูเทลลา อร่อยดีค่ะ


ร้านตกแต่งน่ารัก ๆ บรรยากาศสบาย เหมาะสำหรับมานั่งชิว ๆ ดีค่ะ

ถ้าแวะเวียนผ่านมาจังหวัดนครปฐม จะต้องนึกถึงร้านดังร้านหนึ่งนั่นก็คือ ร้าน “กุ้งอบภูเขาไฟ” ร้านกุ้งอบในตำนานที่เปิดมากว่า 30 ปีแล้ว เริ่มจากการเป็นเกษตรกรเลี้ยงกุ้ง แล้วจึงมาเปิดบริการแบบครบวงจรขึ้นมาเป็นร้านอาหารดังย่านนครปฐม ด้วยวัตถุดิบหลักอย่างกุ้งก้ามกราม ซึ่งจังหวัดนครปฐมเป็นหนึ่งในจังหวัดที่เลี้ยงกุ้งก้างกรามมากที่สุดของประเทศ


ร้านเป็นร้านขนาดใหญ่ มีทั้งโซนพัดลมและห้องแอร์ ถ้ามาช่วงเวลาพีค ๆ คนแน่นอย่าบอกใครเลยค่ะ เราไปช่วงประมาณ 4 โมงเย็น คนยังเยอะพอสมควร แต่พอมีโต๊ะว่างนิดหน่อย แนะนำว่าจะมาทานต้องใจเย็นกันสักนิดค่ะ ไหนจะต้องรอโต๊ะ ส่วนอาหารบางเมนูต้องใช้ระยะเวลาในการปรุง เช่น อย่างปลาเผาต้องรอประมาณ 50 นาที เป็นต้น


จุดเด่นของร้านหนีไม่พ้นกุ้งก้างกรามที่สดใหม่ รวมถึงการนำเมนูมาประยุกต์ให้ดูมีสีสัน เริ่มจากการนำกุ้งก้างกรามมาหมักกับซอสและเครื่องเทศนานาชนิด จากนั้นนำไปอบจนสุกกำลังดี แล้วจึงเอาฝาครอบโลหะ ที่ทำเป็นทรงกรวยคว่ำเหมือนทรงภูเขาไฟ จากนั้นก็จุดไฟให้ลุกโชน ประกายไฟสีส้มดูเหมือนภูเขาไฟระเบิดกันเลยทีเดียว


กุ้งจะมี 3 ราคาตามน้ำหนัก ในแต่ละวัน โดยจะมีราคากิโลละ 550, 780, และ 850 บาทต่อกิโล ซึ่งราคาก็แปรผันตามขนาดตัวของกุ้ง เราเลือกสั่งแบบโลละ 780 บาท ซึ่งจะขนาดตัวโตกำลังดี อีกทั้งพนักงานก็แนะนำว่า ไม่ต่างกับกุ้งแบบกิโลละ 850 บาทมากนัก


กุ้งที่นี่จะตัวใหญ่ สด และ ใหม่ ยิ่งหมักกับเครื่องเทศและซอสให้มีความหอมและรสชาติกลมกล่อม โดยเฉพาะน้ำมันที่อบกุ้ง มาราดบนข้าวสวยร้อน ๆ หอม มัน รสชาติกลมกล่อมจนแทบอดใจไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดอีกสักหน่อย เพิ่มความจัดจ้าน แต่ส่วนตัวเราว่าน้ำจิ้มซีฟู้ดยังไม่เด็ดเท่าที่ควร รสยังแซ่บไม่ถึงใจ กับสีพริกที่ดูคล้ำ ๆ ไปนิดเหมือนทำไว้นานแล้ว


นอกจากเมนูกุ้งอบภูเขาไฟ แล้วยังมีเมนูอาหารทะเลเด็ด ๆ อีกหลายเมนู เราเลือกสั่ง ทอดมันปลากราย (80 บาท) มี 6 ชิ้น ทอดมาร้อน ๆ เนื้อทอดมันเหนียวนุ่มดีค่ะ รสพริกแกงแบบกลาง ๆ ไม่จัดจ้านมากนัก รสออกทางหวานนิด ๆ โดยรวมก็ใช้ได้ค่ะ

“คำโม” ร้านสไตล์ Coffee & Bistro ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนด้านหน้าของไร่เชิญตะวัน จ.ราชบุรี ทางเข้าร้านอยู่หลังวัดพระศรีอาลย์ ขับเข้ามาคดเคี้ยวพอสมควร ขับตาม GPS มาเลยค่ะ มาถึงหน้าร้านจะสังเกตเห็นลานจอดรถและร้านกาแฟน่ารัก ๆ นี่ใช่เลย สำหรับที่มาของชื่อร้านมาจากนามสกุลของเจ้าของร้านนั่นเองค่ะ


ร้านตกแต่งแบบปูนเปลือย อิฐทาสีขาวบนกำแพงสลักชื่อ คำโม ชื่อร้าน ในร้านจะมีทั้งโซนอินดอร์ และเอาท์ดอร์ มีมุมโซฟา และมุมโต๊ะไม้ ระหว่างนั่งทาน ก็มีลูกค้าทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ส่วนมากเป็นลูกค้าที่มาจากกรุงเทพฯ และคนท้องที่ที่ดูตั้งใจขับเข้ามาทานค่ะ


เมนูของร้านจะมีทั้งเครื่องดื่มทั้งกาแฟ ช็อคโกแลต นมสด ชา สมูทตี้ผลไม้ปั่น อิตาเลียนโซดา และอาหารแนวจานเดียว อย่างพวกสปาเกตตี้ ข้าวซอย เสต็ก และของหวานพวกเค้ก เครป Honey Toast ชอคโกแลตลาวา


วันนี้เราอิ่มกันมาแล้วค่ะ เลยมาลองแต่เครื่องดื่มอย่างเดียว เสือกสั่งแอปเปิ้ลอิตาเลียนโซดา (60 บาท) น้ำแอปเปิ้ลเขียวผสมโซดา ผสมมาแบบรสไม่หวานมาก กำลังดี ผสมโซดาแบบไม่ซ่าจนเกินไป โรยด้วยเนื้อแอปเปิ้ลเขียวหั่นบาง


น้ำผึ้งบ๊วยโซดา (60 บาท) น้ำบ๊วยรสเค็มผสมน้ำผึ้งให้ความหวานเพิ่มโซดา ให้มีรสซ่า หอมกลิ่นบ๊วยดีค่ะ


บลูคูราชาว (60 บาท) เป็นน้ำสีน้ำเงินสีสวยเลยค่ะ รสหวาน ผสมโซดาให้ความซ่า


เลมอนโซดา (60 บาท) รสเลมอนจะไม่เปรี้ยวมากจนเกินไป เพิ่มโซดาให้ความซ่า


สตอเบอร์รี่อิตาเลียนโซดา (60 บาท) เมนูนี้ไม่ได้ลองนะคะ


ถ้าแวะมาแถวราชบุรีอยากหาร้านเครื่องดื่ม ติดแอร์เย็น บรรยากาศน่ารัก ๆ เจ้าของบริการเป็นกันเอง ลองแวะที่ร้านคำโมดูนะคะ

วันนี้เรามาลองชิมเค้ก “Castella Factory” ฉายา “เค้กไข่ไต้หวัน พุงกระเพื่อม” ที่ทางร้านการันตีว่าเป็นร้านเค้กไข่สูตรดั้งเดิมจากไต้หวันที่เข้ามาเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย และมั่นใจได้ว่าเค้กเหมือนต้นตำรับจริง เพราะ Castella Factory ได้นำเข้าอุปกรณ์ เหมือนยกครัวมาจากไต้หวันค่ะ ร้านจะไม่มีที่นั่งนะคะ มีแต่บริการซื้อกลับและบริการเดลิเวรี่ ตอนที่เราไปซื้อก็มีแมสเสนเจอร์มารอหนาแน่นเลยค่ะ ร้านจะอยู่ในโครงการสวนหลวงสแควร์ อยู่ติดกับร้าน Dice Cup Board Game หน้าร้านจะเป็นร้านกระจกขอบสีเหลือง ๆ สีสันสดใส ที่สำคัญกลิ่นหอมนำมาก่อนเลยค่ะ ตอนนี้ทางร้านจะมีให้บริการรสชาติหลักอยู่ 3 รส ก็คือ ออริจินัล (140 บาท) รสชีส (180 บาท) รสช็อคโกแลต (180 บาท) ส่วนรสชาติพิเศษ คือ กาแฟ กับใบเตย วันนี้เราลองเลือกสั่ง


รสออริจินัล (140 บาท) เค้กเนื้อเนียนนุ่ม กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกตั้งแต่ตอนซื้อเลยค่ะ ยั่วยวนโสตประสาทมาก ๆ แต่ตัวเนื้อเค้กจะเนื้อหนักเหมือนกันนะคะ รสชาติไม่หวานมาก แล้วชิ้นก็โตมากค่ะ ขนาดประมาณ 14x22x8 cm หั่นได้เกือบ 12 ชิ้น หรือมากกว่านั้น เทียบกับราคาถือว่าคุ้มดีค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงทางร้านลดราคาด้วย


รสช็อคโกแลต (180 บาท) เค้กเนื้อเนียนนุ่มโรยด้วยช็อคโกแลตชิฟ กลิ่นหอมช้อคโกแลตเตะจมูก ๆ มากค่ะ ตัวช็อคโกแลตทางร้านแนะนำว่าทานแบบแช่เย็นจะอร่อยกว่าค่ะ เพราะทานตอนไม่แช่จะออกขมช็อคโกแลตสักหน่อย


เค้กร้านนี้เขาการันตีว่าไม่ใส่สารกันบูดค่ะ เก็บไว้ด้านนอกได้ 1 วัน เก็บในตู้เย็นได้ 3 วัน ถ้าเกินกว่านั้น ทางร้านก็ไม่รับประกัน บอกว่ารสขาติอาจจะเพี้ยนไปได้ค่ะ ทางที่ดีควรทานตอนที่อบเสร็จใหม่ ๆ น่าจะฟินกว่าค่ะ


ร้านจะเปิดขาย 10.00 – 18.00 น. ทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ แต่ถ้าของหมดก็อาจจะปิดก่อน 18.00 น. ค่ะ บางวันบ่ายสองกว่าก็หมดแล้ว แนะนำให้ไปซื้อเร็วหน่อยก็ดีค่ะจะได้ไม่ผิดหวัง ถ้าใครอยู่ไกล บริการเดลิเวรี่ก็มีหลายเจ้ากันเลยทีเดียวค่ะ

ใช้บริการไลน์แมนสั่งสุกี้แห้งจากร้าน สุกี้แห้งชื่อดังย่านยศเส “สุกี้ยากี้ เมาเวอริค” ร้านสุกี้ในตำนานเก่าแก่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 อายุอานามมากกว่าอายุเราเสียอีกค่ะ ปัจจุบันร้านสืบทอดโดยคุณกนิษฐา ลูกสาวที่สืบทอดสูตรมาจากรุ่นคุณพ่อบุญส่ง ประสบการณ์เธอไม่ธรรมดาจบหลักสูตรการทำอาหารโดยตรงจากดุสิตธานี

สุกี้แห้งหมู (60 บาท) จุดเด่นของสุกี้อยู่ที่เนื้อที่นำมาหมักจนนุ่ม ทั้งเนื้อหมู เนื้อ อีกเคล็ดลับคือการนำน้ำมันหมูมาผัดจนมีกลิ่นหอม ผัดกับผัดกาดหอม วุ้นเส้น คื่นฉ่าย ต้มหอม ยิ่งโรยด้วยกากหมูเจียวกรอบ ๆ เข้ากันดีเลยค่ะ อีกส่วนประกอบสำคัญคือน้ำจิ้มสุกี้ที่รสชาติเข้มข้นเด็ดสุด ๆ ทำจากเครื่องปรุงกว่า 20 ชนิด

ร้านเปิดช่วงเย็นค่ะ 15.30 น. เป็นต้นไป ใครไม่สะดวกไปที่ร้านใช้บริการไลน์แมนก็สะดวกรวดเร็วดีนะคะ